วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จะซื้อ รถใหม่ สักคัน ต้อง..???

มันเป็นคำถามที่ฟังแล้ว เหมือนเป็นคำถามโง่ๆ ที่ไม่น่าถามนะครับ กับคำถามที่ว่า จะซื้อ รถใหม่ สักคัน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ? เพราะเมื่อตัดสินใจจะซื้อรถแล้ว ก็แปลว่ามันต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆที่ต้องใช้รถ แล้วจะมาคำนึงอะไร ไปทำไมกัน ก็แค่ซื้อที่จำเป็นต้องใช้ แค่นั้นก็จบ ไม่เห็นต้องมานั่งตั้งเรื่องให้เป็นประเด็นเลย

โตโยต้าวีออส

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจะซื้อ รถใหม่ !!

อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นครับ การจะซื้อ รถใหม่ สักคันหนึ่ง จำเป็นต้องคำนึงถึงอะไรหลายอย่างทีเดียว เพราะรถหนึ่งคัน ราคาไม่ถูกนะครับ ราคารถใหม่ เนี่ยไม่ใช่ว่าซื้อมา ใช้ไปสัก 2-3 เดือน ไม่ชอบใจ เอาไปเทิร์นซื้อคันใหม่แบบที่อยากได้ดีกว่า มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ ที่สำคัญไปกว่านั้น ในปัจจุบัน มียี่ห้อ และรุ่นของรถให้เลือกมากมาย หลายแบบมากๆ พูดง่ายๆว่า ตัวเลือกมันเยอะขึ้น ราคาก็แพง ดังนั้นการจะตัดสินใจซื้อ รถใหม่ สักคันมันก็ต้องมีการคิดคำนึงถึงอะไรหลายๆอย่างกันบ้างนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า กับสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง

1. ความจำเป็น อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถามตัวเองก่อนครับว่าจำเป็นต้องมีรถมั้ย ใครๆก็อยากมีรถกันทั้งนั้นแหละครับ มีใครบ้างอยากขึ้นรถเมล์ตลอดไป แต่มันก็อยู่ที่หลายๆอย่าง เช่นหน้าที่การงานของคุณ เช่นถ้าคุณทำงานออฟฟิศ แถวสีลม แต่บ้านอยู่แถวเมเจอร์รัชโยธิน ทุกวันนี้เดินทางได้สะดวกที่สุดด้วยการนั่งรถตู้ไปต่อรถไฟฟ้า คุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรถมาให้เป็นภาระก็ได้ครับ เพราะซื้อมา ก็ต้องมาจอดเอาไว้ ไม่ได้ใช้งานมัน หรือคุณจะคิดขับมันไปจอดที่ลานจอดรถของรถไฟฟ้าหมอชิต รถใหม่ป้ายแดงเนี่ยนะครับ ผมว่าถ้าเป็นรถเก่าๆ มือสองอันนี้ดูจะเหมาะกับตรงนี้มากกว่านะครับ เพราะที่นั่นเป็นลานจอดรถกลางแจ้ง แดงร้อนเปรี้ยงๆ แถมยังเข็นรถเลื่อนชนกันแบบไม่สนใจใครอีก รถคนที่ไปจอดที่นั่นบุบ สีถลอกกันมาเยอะแล้ว ถามตัวเองก่อนนะครับ ว่า คุณ จำเป็นต้อง ใช้ รถ จริงๆหรือเปล่า

รถใหม่

2. งบประมาณ เมื่อถามตัวเองแล้ว และตอบตัวเองได้แล้วว่า มีความจำเป็น ที่ต้องใช้รถจริงๆ สิ่งที่ต้องคำนึงต่อมาก็คือ งบประมาณ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ ราคารถใหม่ ไม่ใช่ถูกๆ เอาเรื่องงบประมาณ มาก่อนความชอบส่วนตัวนะครับ เพราะงบประมาณจะเป็นตัวกำหนด ยี่ห้อ และรุ่น ของรถที่คุณจะสามารถซื้อได้ รถคันนึง ไม่ใช่ว่าแค่ซื้อมาได้ก็จบนะครับ มันมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อันดับแรกก็ค่าน้ำมัน คุณต้องแน่ใจว่ามีเงินพอเติมน้ำมันใช้งานมันได้ จ่ายค่าน้ำมันไหว แบกรับภาระตรงนี้ไหว อันดับต่อไปก็ค่าดูแลรักษา ซึ่งรถใหม่ป้ายแดงส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลน้อย มีแค่การบำรุงรักษา เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง อะไรพวกนี้เท่านั้น ต่อมาก็เป็นค่าประกันภัย แน่นอนว่าต้องเป็นชั้น 1 แน่นอน สำหรับรถป้ายแดง และต่อมาสำหรับรถมือสอง ค่าซ่อมครับ เตรียมเงินไว้ก้อนหนึ่งสำหรับซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ไว้ได้เลย

isuzu d-max

3. ประเภทของรถ ผมให้คำนึงถึงข้อนี้หลังจากที่คิดถึงเรื่องงบประมาณแล้ว เพราะหากคุณมีงบประมาณไม่มาก แต่อยากได้รถ SUV มาใช้งาน อันนี้ก็เรียกว่าเกินตัวครับ ถ้าคุณมีงบน้อย ไม่อยากแบกภาระน้ำมันเยอะ ก็ต้อง รถอีโคคาร์ พวก นิสสัน มาร์ช หรือไม่ก็ Almera หรือ ถ้าต้องเดินทางออกต่างจังหวัด วิ่งทางไกลบ่อยมากๆ อันนี้ก็ควรจะเป็นรถซีดานขนาดใหญ่ หรือรถกระบะไปเลยดีที่สุด แต่ถ้ามีงบเยอะหน่อยก็อาจจะเล่นรถอเนกประสงค์พวก SUV ไปได้เลย อันนี้ก็สำหรับคนที่มีงบมากๆอยู่นะครับ

4. การดูแลรักษา อันนี้ก็จำเป็นต้องคิดก่อนนะครับ ไม่ใช่ต้องรอให้ซื้อมาก่อนแล้วค่อยมาตระเตรียม หรือนั่งคิด เช่น ที่จอดรถมีมั้ย ถ้าไม่มีแล้วจะไปจอดที่ไหน ต้องไปเช่าที่จอดรถหรือเปล่า แล้วต้องซื้ออะไรมาติดเอาไว้เพื่อป้องกันการโจรกรรม สิ่งเหล่านี้ต้องคิดและเตรียมเอาไว้ก่อนนะครับ แต่หลายคนก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ คิดแต่อยากจะได้ อยากได้รถไวๆ พอได้มา แล้วจะไปจอดไหน บ้านอยู่ในซอย แต่ต้องมาจอดหน้าซอย ใช่ครับ จอดได้ แต่อันตรายนะครับ สมัยนี้ ก็มีให้เห็นหลายกรณี เช่น คลิปที่มีคนมาถอดขโมยล้อรถ โตโยต้า ยาริส ไปเฉยเลย ทั้งๆที่จอดริมถนนใหญ่ มีรถวิ่งตลอด ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ดังนั้น เรื่องการดูแลและการเก็บรักษารถที่เราซื้อมานั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถนะครับ

toyota fortuner

5. ศึกษาหาข้อมูล เกี่ยวกับรถรุ่นที่ต้องการ อันนี้ผมให้มาอยู่เป็นข้อสุดท้าย เพราะเป็นการหาข้อมูลก่อนที่จะทำการตกลงปลงใจ ไปจ่ายเงินจองกับเซลเพื่อซื้อรถ เพราะเมื่อคุณจองไปแล้ว ส่วนใหญ่ คุณสามารถยกเลิกการจองได้ แต่จะไม่ได้เงินค่าจองคืนนะครับ ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 5 พันบาท ดังนั้น ศึกษาดูให้ดีก่อน ดูข้อมูลในอินเตอร์เนตก่อน เกี่ยวกับรถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ตามเวบบอร์ดของคลับรถต่างๆ ดู ตลาดรถ ก่อนว่าตอนนี้ตัวไหนดีที่สุด ที่สำคัญ “จงฟังหู ไว้หู” คืออ่านอะไรมาก็อย่าเชื่อทั้งหมด เพราะคนที่มาตอบบางคนก็ไม่ได้รู้ดีในเรื่องนั้นจริงๆ จากนั้นเมื่อมีข้อมูลของรถรุ่นที่สนใจแล้ว ก็เดินเข้าไปดูที่ showroom หรือ ลองเข้าไปนั่ง เข้าไปสัมผัสกับรถตัวที่เราอยากได้ก่อนเลยนะครับ หรือหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อก็ดี ลองนั่งดู ลองดูว่าชอบหรือไม่ จากนั้น เมื่อได้รุ่นที่เราตั้งใจว่าจะเอาแต่แล้ว ไปติดต่อที่ศูนย์บริการรถยี่ห้อนั่นๆ แล้วขอ Test Drive เลยครับ อย่าซื้อโดยไม่ทำการ ทดสอบขับ นะครับ เพราะคนส่วนใหญ่สมัยนี้แค่ไปลองนั่งๆ ที่งานมอเตอร์โชว์ ก็ตัดสินใจจองแล้ว ต้องลองขับก่อนนะครับ เพราะเรื่องของช่วงล่าง ระบบเบรก การเก็บเสียงห้องโดยสาร วิสัยทัศน์การมอง การเข้าโค้ง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ตัวหนังสือในหน้าเวบบอร์ดในอินเตอร์เนต หรือ ในโบรชัว หรือคำบอกเล่าของเซล หรือคนอื่น มันไม่ทำให้คุณเข้าใจหรอกนะครับ มันต้องลองสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ

ที่ผมสรุปสิ่งที่เราต้องคำนึง ก่อนจะซื้อ รถใหม่ สักคันนั้น ก็เพื่อต้องการให้ทุกท่าน ได้หยุดความอยากได้ และมานั่งทบทวนกันสักนิด ใช้ความคิดสักหน่อย เพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้มากที่สุด ตอบโจทย์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือ ดีที่สุด เหมาะที่สุดกับตัวเองแล้ว หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณอาจจะเปลี่ยนใจ เลือกรถอีกรุ่นหนึ่งที่แตก ต่างจากที่คุณเคยมอง และตั้งใจจะซื้อเอาไว้ในตอนแรกก่อนจะมาอ่านบทความนี้ก็ได้นะครับ

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รถทัวร์ กลับลำ กลางถนน ข้าง หมอชิต ความมักง่าย หรือ ประมาท ?

ความมักง่าย ของคนขับรถในทุกวันนี้ นับว่ามีอยู่เยอะแยะมากมาย ตัวผมเองก็เป็นคนที่ใช้รถ ใช้ถนน คนหนึ่ง ที่ต้องสัญจรอยู่บนถนนในกรุงเทพทุกวัน เช้า กลางวัน และ เย็น และต้องพบเจอกับ ความมักง่าย แบบนี้เสมอ แต่โดยปกติที่ผมเจอ มักจะเป็นความมักง่ายของพวกรถเล็ก คือ พวก รถมอเตอร์ไซค์ หรือไม่ก็ รถเก๋ง รถกระบะ ทั่วไป แต่ที่วันนี้เจอเต็มๆก็คือ ความมักง่ายของรถใหญ่ นั่นคือ รถทัวร์ นั่นเอง เรื่องนี้ถือว่าอันตรายนะครับ ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากทีเดียว เพราะรถใหญ่ทำอะไรได้ช้า ต้วมเตี้ยม และเทอะทะ กว่ารถเล็กทั่วไป การที่รถใหญ่ๆ จะมากลับลำ หรือ ตีโค้งอะไรพวกนี้เนี่ย มันต้องทำแบบช้าๆ ทำเร็วๆ เหมือนพวกรถเล็กๆ ที่มีวงเลี้ยวแคบๆ ไม่ได้ ดังนั้น การที่ รถทัวร์ ไม่กลับรถ ในที่ที่เค้ามีไว้ให้กลับ หรือ มักง่าย อยากกลับตรงไหนก็กลับ ขี้เกียจขับไปไกลกว่านี้ สิ่งที่มีตามมา ก็คือ อุบัติเหตุครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมเจอมาเยอะมากๆ เคยประสบเห็นคาตาก็หลายครั้ง แต่ไม่มีกล้องวีดีโอบันทึกไว้ คราวนี้เป็นโอกาสดี เลยต้องจัดสักหน่อย ให้ดู ให้เห็นถึงความมักง่ายที่ผมว่ากันครับ

รถทัวร์

จุดที่ผมพูดถึงการกลับรถแบบ มักง่าย ของ รถทัวร์ ในครั้งนี้นั้น เกิดขึ้นที่ ถนนกำแพงเพชร 6 ด้านข้างของ สถานีขนส่ง หมอชิต นั่นเอง จะเป็นของ สมบัติทัวร์ หรือ นครชัยทัวร์ หรือบริษัทไหนก็ไม่ทราบได้ คนขับรถเค้าคงคิดว่า เป็นถิ่นของเค้าอ่ะนะ เลยอยากทำอะไรก็ทำ อีกอย่าง ถือว่ารถใหญ่ไงครับ รถเล็กชนมาก็ไม่สะเทือน แถมยังเป็นเหล็กทั้งคัน ยิ่งถ้าพวก Eco Car ชนเข้าไปล่ะก็ รถเล็กพวกนี้จะเจ็บตัวซะเองแบบยับเยินเลยซะมากกว่า ตำแหน่งที่ผมถ่ายรถทัวร์คันนี้กลับรถ ก็อยู่ตรง เครื่องหมาย ดาว บนแผนที่ด้านล่างนี้แหละครับ

สมบัติทัวร์

ถนนเส้นนี้ ไม่ใช่ถนนสายเปลี่ยว ไม่ค่อยมีรถวิ่งนะครับ แต่เป็นถนนที่มีรถใช้เยอะมากๆ เพราะว่ามันจะช่วยหลีกหนีการจราจรที่ติดขัดบนถนน กำแพงเพชร 2 ด้านหน้า สถานีขนส่งหมอชิต ได้ แล้วลัดไปกลับเข้า ถนนกำแพงเพชร 2 ได้อีกที ก็ตรงจุดใต้ทางด่วน ตรงใกล้ๆกับที่ผมเจอ รถมอเตอร์ไซค์ สาวโรงงาน ซ้อน 2 ไม่ใส่หมวกกันน็อค ปาดหน้ากะทันหัน นั่นแหละครับ หรือสามารถลัดไปตามทาง เลียบทางรถไฟ ไปออกที่ แยกวัดสเมียนนารีได้เลยนะครับ ดังนั้น เส้นทางที่ผมว่ามานี้ ถือเป็นเส้นทางถนนใหญ่ ที่มีรถสัญจรเยอะทีเดียว ยิ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนหรือช่วงเย็นวันศุกร์ ที่ต้องมีคนเดินทางมาที่ สถานีขนส่งหมอชิต เนี่ยนะครับ เส้นนี้ยิ่งมีรถเยอะมากเข้าไปใหญ่

ตัวอย่าง รถทัวร์ มารยาททราม อยากกลับรถตรงไหนก็กลับ


การที่ รถทัวร์ ซึ่งเป็นรถใหญ่ มากลับรถกลางถนนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยแบบนี้ ไม่ถูกต้องนะครับ หากดูเส้นจราจรบนถนนแล้วจะเห็นว่าไม่ใช่เส้นประ และไม่มีการเว้นช่องเอาไว้สำหรับกลับรถเลย เป็นเส้นเหลืองซึ่งแบ่ง ทิศทาง การสัญจร ออกเป็นสองเส้นทางใหญ่ คือให้สวนกันเท่านั้น ส่วนลายเส้นที่พาดขวางตรงกลางนั้นเป็นจุดที่เอาไว้ให้คนไปยืนเวลาข้ามถนน พูดง่ายๆ เหมือนเป็นเกาะกลางนั่นเอง เพียงแต่ไม่ได้ก่ออิฐเทปูนไปเป็นเกาะกลางเท่านั้น เรื่องนี้ คนที่ขับรถทัวร์ ซึ่งเป็นพนักงานขับรถประจำทาง จะบอกว่าไม่รู้เรื่องรายละเอียดของสัญลักษณ์จราจรนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะพวกเค้าเองต้องผ่านการสอบใบขับขี่หนักกว่าพวกรถยนต์ส่วนบุคคลเยอะ เพราะมือของพวกเค้า ต้องแบกรับภาระชีวิตของผู้โดยสารเอาไว้ จะมาขับแบบ “มักง่าย” แบบนี้ไม่ได้ หรือหากจะปฏิเสธว่าไม่ได้ มักง่าย แต่ทำไปเพราะใจร้อน อันนี้ยิ่งไม่ได้ใหญ่ คนขับรถทัวร์โดยสาร จะมาขับรถใจร้อนได้ไง อย่างนี้ถ้าเจอรถคันไหนปาดหน้าบนถนนใหญ่ แล้วคุณซึ่งเป็นคนขับไม่พอใจ ก็เหยียบเร่งแซงไปปาดหน้าคืน หรือขับฉวัดเฉวียน กวน teen เค้าเนี่ย ก็ทำได้สิ โดยไม่ต้องคำนึงถึงชีวิตของผู้โดยสารที่นั่งอยู่ในรถคุณอย่างนั้นหรือ ?

จริงอยู่ว่าในขณะที่กำลังกลับรถกลางถนนนั้น ไม่มีผู้โดยสาร แล้วไม่คิดบ้างเหรอครับ ว่ารถที่เค้ากำลังวิ่งมาทางตรงเนี่ย จะเป็นยังไง เค้าวิ่งของเค้ามาอยู่ดีๆ แล้วก็ต้องมาเบรก ให้กับความมักง่ายของคุณ แต่คุณก็อาจจะบอกได้ว่า ของแบบนี้มันต้องมีน้ำใจบนท้องถนนกันบ้างครับ ถ้าคุณต้องมาเบรกตัวโก่ง เพราะมีรถกลับลำตัดหน้าคุณเนี่ย คุณจะยิ้มแล้วรู้สึกดีมั้ยครับ ที่คุณได้เหยียบเบรกแบบกระทันหัน ด้วยความมีน้ำใจของคุณ เหตุผลที่ผมว่ามานี้ เชื่อเถอะครับ ว่ามีคน “มักง่าย” คิดแบบนี้อย่างแน่นอน และผมก็บอกได้เลยว่า พวกนี้มัน “ปัญญาอ่อน” และเป็นพวกที่มีปัญหาครับ

มาถึงตรงจุดนี้ ก็อยากให้เข้าใจ Concept ของการที่ผมทำเวบไซต์นี้ขึ้นมา หลายคนอาจจะคิดว่า ผมทำขึ้นมาเพื่อ ด่า ด่า ด่า แล้วก็ ด่า สนองอารมณ์โมโหของผมที่เกิดขึ้นบนท้องถนนอย่างนั้นใช่หรือไม่ ?
ผมตอบได้เลยครับ ว่า ใช่? จุดประสงค์ของผมคืออย่างนั้นเลย แต่มันเป็นเพียงแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่ง ผมอยากเอาเรื่องแบบนี้ ที่พวกเราทุกคนต้องเจอกันอยู่ทุกวัน แล้วทน ทน ทน ตามประสาคนไทย นิ่งเฉย อดทน แล้วก็เก็บไว้ แล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป ผมอยากให้นิสัยคนไทยอย่างพวกเรา จบลงเสียที ผมเขียนด่าลง ไดอารี่ ผมก็หายหงุดหงิดครับ แต่ผม อยากเอามาเปิดเผย ให้ทุกคนที่เข้าถึงอินเตอร์เนต ได้รับรู้ ได้เห็นสิ่งที่ผมเห็น ได้รู้สึกสิ่งที่ผมรู้สึก แล้วคุณจะเข้าใจ ว่าทำไมผมต้องเอาสิ่งที่ผมเจอมา มาเปิดเผยแบบนี้ มันน่าจะถึงเวลาแล้วนะครับ ที่เราจะปลุกจิตสำนึกที่ดี ในการขับรถบนท้องถนนกัน

เพราะ วินัย บนท้องถนน สะท้อน วินัย ของคนในชาติ นะครับ

If you see what I see… If you feel what I feel… and you shall realize why I’m doing this.

รถตู้ ใช้ในราชการ แซง ปาดหน้า ลัดคิว หน้าตาเฉย รถหลวง เค้าทำกันแบบนี้เหรอ?

จากที่ผมเคยพูดถึงเรื่องการปาดหน้า แซงลัดคิว อย่างกรณีของ นิสสัน ทีด้า ที่แยกลาดปลาเค้า ที่ผ่านมา วันนี้ที่น่าจะเอามาเป็นประเด็นทางสังคมพอสมควรเลย ก็คือ ถ้ารถที่ปาดหน้าเนี่ย เป็น รถตู้ ที่ ใช้ในราชการ ล่ะ หรือพูดง่ายๆว่า รถหลวง เนี่ย มันจะทำให้คุณๆทุกคนที่อ่านบทความนี้ รู้สึกอย่างไร ลองนึกดูนะครับ จินตนาการดูว่าคุณเป็นผม ตามคลิปที่ผมแปะมาด้านล่างเนี่ย คุณเห็นแบบนี้คุณจะรู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อเจอการกระทำแบบนี้จาก “รถหลวง

รถตู้

ที่ผมสามารถระบุได้เลยว่าเป็น “รถหลวง” ก็เพราะผมเห็นสติ๊กเกอร์สัญลักษณ์ ตราอะไรไม่รู้ แต่ดูแล้วว่าเป็นของทางการ หรือ หน่วยงานราชการแน่นอน แถมด้านหลังยังมีเลข 11 รวมทั้งมีการพ่นสีที่ด้านท้ายรถอีกว่า “ใช้ในราชการเท่านั้น” และอีกปัจจัยที่สำคัญคือ รถตู้ นิสสัน รุ่นนี้ เป็นรุ่นยอดนิยม ที่หน่วยงานราชการ และหน่วยทหาร นิยมจัดซื้อมากันในยุคสมัยหนึ่ง ผมเองก็เป็นคนในวงการ รู้เรื่องนี้ดี แต่ถ้าใครมีเส้นสายและสงสัยว่าผมมั่วหรือไม่ ก็เอาทะเบียนไปตรวจสอบได้เลยครับ (ถ้าทำได้อ่ะนะ) เป็น รถตู้ นิสสัน สีเงิน ทะเบียน ฮข 6272 กทม. (อักษรและตัวเลขบนทะเบียนเป็นสีน้ำเงิน) ผมเชื่อว่า ถ้าเรื่องนี้เป็นกระแสสังคมขึ้นมา คงจะได้รู้กันเป็นแน่ว่าเป็นรถของหน่วยงานไหน

ตัวอย่าง รถตู้ นิสสัน ที่ใช้ในราชการ แซงคิว ปาดหน้าเฉยเลย


รายละเอียดของเหตุการณ์ ก็เกิดตรง แยกสะพานดำ (แยกโคตรเจ้าปัญหา เดี๋ยวผมจะมาเปิดประเด็นนี้ทีหลัง) โดยผมมาตาม ถนนกำแพงเพชร และกำลังจะมุ่งหน้าตรงไปที่ ถนนกำแพงเพชร 5 ซึ่งก็อยู่ถูกเลนเรียบร้อย ติดไฟแดงอยู่ พอไฟเขียวเท่านั้นแหละ พ่อรถตู้นิสสันคันนี้ก็มาจากไหนไม่รู้ ปาดเข้ามาซะให้ ผมเลยหยุดรถไว้ให้เค้าไปก่อน ก็มาปาดเบียดซะอย่างเร็ว ถ้าผมออกตัวเร็วๆ ก็ซัดกันไปแล้ว โชคดี แม่ย่านางรถช่วยไว้ ดูตามคลิปได้เลยครับ สะดุดตาตรงที่ เป็น รถของหน่วยงานราชการ ความรู้สึก “ส่วนตัว” ของผมเองในตอนนั้นเลยนะครับ คือ “มึงใหญ่มาจากไหนวะ ขับรถหลวงแล้วขับ here ๆ แบบนี้เหรอ” ขออภัยที่อาจมี soundtrack หยาบไปบ้าง แต่อยากให้มันสื่อถึง feeling จะว่ามันรีบ แล้วผมไม่รีบหรือไง ก็รีบกันทุกคนแหละ แต่เค้าก็เข้าคิวเรียงแถวกัน นี่มาปาดกันเห็นๆ

จอแจ.com รถตู้ ใช้ในราชการ แซง ปาดหน้า ลัดคิว

อันที่จริงแล้ว ถ้าใครใช้เส้นทาง ผ่าน แยกสะพานดำ นี้บ่อยๆ ก็น่าจะเข้าใจว่า ตรงจุดเนี้ย ปาดกันประจำครับ ทุกเช้า และ เย็น มาปาดกันแบบนี้ตลอด ทั้งๆ ที่กล้องตรงแยกนี้มีหลายตัวนะครับ เส้นตรงนั้นก็ทึบ คือห้ามปาดหน้า แซงคิว อ่ะ ป้อมตำรวจก็อยู่ตรงนั้นเลย เห็นจะจะ อุบัติเหตุตรงนั้นก็มีบ่อยมาก ผมเจอรถจอดข้างเกาะกลางฟุตบาท ตรงนั้นประจำ คือจอดรอประกันน่ะครับ แล้วทำไมมันถึงยังต้องเป็นแบบนี้กันอยู่ ยิ่งเป็น รถที่ใช้ในราชการ แล้ว ยิ่งไม่น่าทำตัวเหมือนพวกแท็กซี่ ที่ไร้มารยาททั้งหลายนะครับ
ผมอยากให้มองนิดนึงว่า การขับ รถที่ใช้ในราชการนั้น ก็เหมือนการถือตราหน้าหน่วย หรือ ชื่อเสียงของหน่วยงานของรัฐเนี่ย ไปทุกๆที่ คุณขับดี มันก็ดี คุณขับเลว คนเค้าไม่ว่าคนขับอย่างคุณหรอก เพราะเค้าไม่รู้จักคุณ แต่เค้าจะเหมารวมว่า รถตู้ของหน่วยนี้ทำไมมันขับแบบนี้วะ พวกตาสีตาสา อย่างพวกผมคงไปทำอะไรคุณไม่ได้หรอก แต่ถ้าบังเอิญ ไอ้รถที่อยู่ในแถวที่เค้าต่อคิวเนี่ย เป็นรถของผู้บริหารในหน่วยงานเดียวกับรถตู้ของคุณล่ะ คุณในฐานะคนขับรถ ก็เตรียมตัวซวยได้เลยครับ มันเป็นการทำให้ชื่อเสียหน่วยเสียหายจริงๆ ยิ่งขับ รถที่ใช้ในราชการ หรือ รถหลวง ยิ่งต้องขับให้ดี ต้องรักษากฎหมาย และวินัยจราจรให้เป็นตัวอย่างที่ดี แค่เค้าเห็นตราสัญลักษณ์ว่ารถตู้เนี่ยเป็น รถหลวง เค้าก็เกรงใจให้ทางแล้วล่ะครับ ไม่จำเป็นต้องขับเลวๆ หรอกครับ ทุกคนมีสิทธิ์ใช้ถนนเหมือนกันหมดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถ Benz, Ferrari, Vios, Fortuner, รถกระบะ Vigo, Isuzu Dmax, รถเต่า, รถเน่า, รถซาเล้ง, รถตุ๊กๆ, รถมอเตอร์ไซค์ ทุกคนก็มีสิทธิ์เท่ากันครับ ไม่มีใครเป็นเจ้าของถนน ถนนนี้สร้างขึ้นมาจากเงินภาษีของประชาชน ดังนั้น การที่คุณขับรถหลวง ก็สมควรจะพึงระลึกถึงเรื่องพวกนี้ไว้บ้างนะครับ ว่าพวกคุณก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือกว่าคนทั่วไปอย่างไร และยิ่งคุณเป็นแค่ “คนขับรถ” ตำแหน่งแค่นี้ ไม่ได้ถือว่าสูงนะครับ อย่าคิดว่าใหญ่ อย่าคิดว่ามีนาย ถ้าคุณทำตัวแย่ๆ ขับรถเลวๆ แบบนี้ ชนมา แล้วผิด นายเค้าก็ไม่ช่วยคุณหรอกครับ
ขอบอกเลยครับ ว่าตัวผมเองก็เป็นข้าราชการ พ่อผมก็เป็นข้าราชการ แต่ผมและพ่อก็ไม่เคยทำนิสัยแบบนี้ ผมเรียนขับรถมาจากพ่อผม พ่อผมขับรถไปไหน ก็ขับไปแบบนุ่มๆ ตรงไหนถนนว่าง ก็ซัดเร็ว (ขับช้าไม่ดีนะครับ เพราะรถข้างหลังเค้าก็ต้องมาช้าตามเรา) ตรงไหนรถติด ก็ไปเรื่อย ตามเลน ไม่ปาด ไม่แซงโดยไม่จำเป็น แบบแซงออกมาแปปนึง แล้วแซงกลับเข้าไปใหม่ พ่อผมขับแบบไปเรื่อยๆ รีบ แต่ไม่ รน ถึงที่หมายก็ไม่ช้านะครับ ตามประมาณเวลาที่เราคำนวณเอาไว้ในใจตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง หรือพูดง่ายๆ ก็คือเผื่อเวลารถติดเอาไว้แล้ว ดังนั้น ผมจึงไม่มีความอคติกับข้าราชการเลยแม้แต่น้อย แต่โกรธที่หน่วยงานราชการต้องถูกมองว่าขับรถไม่ดี เพราะนิสัยของคนขับรถ ซึ่งเป็นลูกจ้าง ที่มีนิสัยมักง่ายเพียงคนเดียว รถมันไม่ผิด แต่มันผิดที่คนขับ
ก็อยากฝากเอาไว้นะครับ ใครเจอคนขับเลวๆแบบนี้ ก็ส่งรูปมาได้ครับ หรืออัดคลิปมาแล้วอัพขึ้น youtube แล้วส่งลิงค์มาให้ผมเอาลงเวบไซต์ เพื่อแชร์กันได้นะครับ เพื่อประจานคนขับแย่ๆ และส่งเสริม รวมทั้งปลุกจิตสำนึกการขับรถที่ดีกันด้วยครับ (ผมไม่ได้รับเงินค่ารณรงค์จากกรมการขนส่งทางบกมานะครับ คิดเอง ทำเอง ตาม feeling ส่วนตัวล้วนๆ)

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

แท็กซี่ สุดซวยคานเหล็กรถไฟฟ้าสายสีม่วงหล่นทับเฉย

กำลังจะเขียนอยู่พอดี เกี่ยวกับอุบัติเหตุ หรือ “ความซวย” ที่พวกเราคนใช้รถต้องได้รับ จากพวกที่ก่อสร้างรถไฟฟ้า ในทุกๆ สาย ก็ดันเกิดเหตุขึ้นมาซะก่อน เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่คานเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้าง รถไฟฟ้า สายสีม่วง บริเวณใกล้แยกเตาปูน หล่นลงมาทับรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างล่าง ทำให้มีรถได้รับความเสียหายถึง 4 คัน แท็กซี่ 2 คัน รถยนต์ส่วนบุคคลอีก 2 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 6 มิ.ย. 56 หรือเมื่อตอนสายของวันนี้นี่เอง ซึ่งก็กลายเป็นข่าวใหญ่โตกันไปของวันนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก ที่เห็นเป็นข่าวใหญ่ก็มีอยู่ 2 ครั้งก่อนหน้านี้ มีการทำคานเหล็กหล่นเข้าไปในบ้านคนที่อยู่ริม ถนนกรุงเทพ-นนท์ และอีกครั้งเมื่อ 26 เมษาฯ ที่ผ่านมาที่ทำกำแพงปูนหล่นลงมาทับแท็กซี่ ก็ตรงแยกเตาปูนนี่อีกแหละครับ มันเป็นเรื่องที่น่ามาวิเคราะห์ และพูดคุยกันนะครับ

แท็กซี่ ซวยสุดๆ ดันเจอคานเหล็กหล่นใส่เฉยเลย

คานเหล็ก รถไฟฟ้า แยกเตาปูน

ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าพวกนี้มากๆ บ้านผมไม่ได้โดนเวนคืนที่ดินไปสร้างรถไฟฟ้านะครับ แต่เส้นทางที่ผมใช้ประจำนั้น กำลังก่อสร้างตาม แผนที่รถไฟฟ้า หมดเลย นั่นคือ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงบางพลัด ถึง บางกรวย, ถนนกรุงเทพ-นนท์ ตั้งแต่วงศ์ว่าง ไปจนถึงแยกติวานนท์ และ ถ.ติวานนท์ตั้งแต่แยกติวานนท์ ไปจนถึง แยกแคราย รวมทั้งถนนรัตนาธิเบศร์อีกด้วย มันจะสร้างอะไรกันนักกันหนา แต่สำหรับการพัฒนารถไฟฟ้านั้นผมเห็นด้วย แต่เรื่องสิ่งของที่ร่วงลงมาในขณะก่อสร้างนี่สิครับ ที่ผมรับไม่ได้ ผมเชื่อว่าทุกท่านที่ใช้รถอยู่บนถนน ก็คงจะรับไม่ได้เช่นกัน ถ้ารถสวยๆ ของคุณต้องโดยเศษปูนหล่นลงมากระทบสีรถคุณ ถ้าคุณมาเร็วมากหน่อย มันอาจเจาะเข้าในเนื้อสีของคุณได้ลึกทีเดียว

ผมจะขอเล่าสิ่งที่ผมเจอมานะครับ ตั้งแต่ตอนที่พวกเค้าเริ่มสร้างกันใหม่ๆ รถผมโดนเข้าเต็มๆครับ March ป้ายแดง เศษปูนลงมากระทบเต็มๆ เจาะเข้าเป็นแผลเลย ผมจอดรถเดินลงไปจะเอาเรื่อง แต่ตอนนั้นวิศวกรไม่อยู่ ไม่รู้มันหายหัวไปไหน มีแต่หัวหน้าช่าง ซึ่งก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมก็เลยเรียกประกันมา แล้วก็ให้ประกันเคลม รวมทั้งจัดการแทนผมด้วย แล้วผมก็เอารถไปซ่อม ต่อมาก็มีพวกน้ำๆ เนี่ยลงมาประจำ โดนตลอด หลบไม่ได้หรอกครับ เพราะมันลงมากลางเลนเลย คุณจะหักหลบน้ำแล้วไปชนกับคันอื่นที่เค้าวิ่งมาก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นน้ำเปล่า ผมก็คงจะไม่หลบ แต่นี่เป็นน้ำปูนนะครับ ผมเคยจอดดูน้ำที่มันลงมาโดนรถผม มีทั้งเศษปูน และเศษสนิม นี่มันอะไรกันวะ ทำไมไม่ทำท่อระบายน้ำ คิดจะทิ้งอะไรก็ทิ้งลงมาโดยไม่สนใจใครเลยหรือไง และล่าสุด เมื่อเดือนที่แล้ว อันนี้แสบสันสุดๆ ระวังกันนะครับ “สี” ครับ สีน้ำแบบที่ทาปูน ทาบ้านเนี่ยแหละครับ เป็นแบบแห้งช้า กระเด็นเป็นละอองหยดๆลงมา ตอนขับคุณก็ไม่รู้หรอกครับ เพราะคุณจะนึกว่าเป็นน้ำปูน หรือน้ำสกปรกเหมือนทุกที แต่พอขับไปถึงที่หมายแล้วจอดดูเท่านั้นแหละ นี่มันสีนี่หว่า โอ้โห เลวมากๆ ทำไมไม่เอาอะไรรองสีกันมันกระเด็นมาโดนรถที่ผ่านไปมาเลยเหรอ ผมก็รีบเช็ดออกทันที โชคยังดีที่มันเป็นสีแบบแห้งช้า เลยยังเช็ดออกได้ แต่ตอนนั้นมันเย็นมากๆ ผ่านไปหลายวัน ผมเพิ่งมาเห็นว่า เหลืออยู่จุดนึง ตอนนี้แห้งแข็งติดไปแระ เอาเล็บขูดก็ไม่ออก ผมก็เลยปล่อยมันไว้เป็นที่ระลึก กับความทุเรศของการก่อสร้างรถไฟฟ้าในทุกๆเส้นที่มีอยู่ตอนนี้

แท็กซี่ สุดสวย เจอคานเหล็กหล่นใส่ซะงั้น บริษัทก่อสร้างรับผิดชอบแค่ไหน???

คานเหล็ก รถไฟฟ้า แยกเตาปูน

ยังไม่ทันได้มาเขียนลงบทความ เรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ น่าเศร้านะครับ ถ้าเราเป็นเจ้าของรถ คงจะโกรธและเสียใจมากทีเดียว แท็กซี่ ก็เช่นกัน ถ้าเป็น รถแท็กซี่ เช่าก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น แท็กซี่ป้ายแดง นี่สิ แย่เลย เพราะต้องส่งค่าผ่อนรถทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคดีมากที่หล่นลงบนรถในจุดที่ไม่สำคัญเช่น ตรงกลางหัวคนขับ และยังดีที่คานเหล็กไม่แข็งมากเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับโครงเหล็กตัวรถ และโชคดีที่สุด ที่ตรงนั้นไม่มี รถจักรยานยนต์  จอดอยู่ ไม่งั้นพวกขับ รถจักรยานยนต์ คงเจ็บหนักถึงขั้นหามเข้าโรงพยาบาลแน่นอน ที่น่าโกรธที่สุดคือความเสียหาย รถของพวกผู้เสียหาย อยู่ดีๆ ก็ต้องมาพัง ต้องเอาไปซ่อม ไม่ได้ซื้อใหม่นะครับ ซ่อมอย่างเดียว แล้วซ่อมช่วงโครงหลังคาของรถเนี่ย เป็นการเคาะอย่างเดียวซึ่งแย่มากครับ ยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมหรอกครับ ผมอยากรู้มาก ว่าทางบริษัทที่รับผิดชอบในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูนเนี่ย จะชดใช้ค่าเสียหายอย่างไรบ้าง ใช้แค่ค่าเสียหายต่อรถยนต์เท่านั้นหรือ ไม่มีค่าปลอบขวัญคนที่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียเวลาที่จะไม่มีรถไปทำงาน พวกเค้าต้องได้รับด้วยมั้ย ทั้งๆที่มันสมควรอยู่แล้ว แต่สุดท้ายผมว่าคงได้แค่ค่าเสียหายรถยนต์ที่เอาไปซ่อมกับขวัญถุงปลอบใจอีก 4-5 พันบาทแหละครับ จริงๆแล้วน่าจะสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้มากกว่านี้ แต่ถ้าเจรจายอมความกันไป บริษัทพวกนี้ก็จ่ายเงินน้อยหน่อย ป่านนี้คงมีการส่งคนมาติดต่อเจรจาค่าเสียหาย เพื่อไม่ให้ต้องเป็นเรื่องการฟ้องร้องกันไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ก็อย่างว่า นี่แหละ Thailand Only!

คานเหล็ก รถไฟฟ้า แยกเตาปูน

น่าสังเกตตรงที่ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของความประมาทเลินเล่อ ของบริษัทที่ดูแลการก่อสร้างรถไฟฟ้าพวกนี้ แต่ก่อนหน้านี้มีเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งใหญ่ๆ และหลายร้อยครั้งที่เป็นยิบย่อยแบบที่ผมเจอมา ที่น่าสังเกตคือ “กลับไม่เป็นข่าว” เพราะอะไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญพอจะเป็นข่าวงั้นเหรอครับ อันนี้ผมว่าไม่ใช่ หรือพอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าปิดข่าวได้ ก็ปิด ด้วยการที่ทางบริษัทที่ดูแลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆนี้ ก็รีบส่งตัวแทนเข้าไปดูแล เจรจาค่าเสียหาย เอาให้ผู้เสียหายพึงพอใจ แล้วก็ปิดข่าว ทำให้มันจบๆ ไป ซึ่งอันที่จริงแล้ว ผมบอกเลยนะครับว่า พวกผู้เสียหายพวกนี้ ค่อนข้างที่จะเสียรู้ให้กับตัวแทนของบริษัทพวกนี้ครับ พวกบริษัทพวกนี้มันหัวหมอครับ เวลาเจรจา มันก็จะเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้เต็มที่ และมีเงินปลอบขวัญให้อีกนิดหน่อย แล้วก็จบๆไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้เสียหาย มีสิทธิ์ที่จะได้รับค่าเสียหายมากกว่านั้นเยอะ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทเลินเล่อในการก่อสร้าง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หากคุณทำการฟ้องร้อง คุณจะได้มากกว่าแค่ค่าเสียหายของรถยนต์ที่พังไป แต่จะได้ค่าเสียเวลา ค่าเดินทางโดยที่ไม่มีรถ ค่าปลอบขวัญ และหากบาดเจ็บยังเรียกค่าเสียหายได้อีกด้วย พูดง่ายๆว่าได้มากกว่าที่พวกตัวแทนบริษัทนี้มาเสนออีกเยอะ แต่ที่พวกผู้เสียหายพวกนี้ แม้ว่าจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ เกี่ยวกับสิทธิ์และผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ แต่ก็เลือกที่จะรับเงินสดจากพวกตัวแทนบริษัทดีกว่า เพราะรู้อยู่ว่าการฟ้องร้องนั้น ต้องใช้เวลายาวนานมาก ไม่คุ้มกับการที่ต้องเสียเวลาจ้างทนาย เดินทางไปศาลบ่อยๆ เป็นปีกว่าจะได้รับค่าเสียหาย แต่ถ้าเป็นผม รถเรามีประกันอยู่แล้วก็ให้ประกันซ่อม เรื่องฟ้องร้องก็จัดไป ซึ่งส่วนใหญ่ประกันจะเป็นฝ่ายช่วยฟ้องร้องอีกต่างหากด้วย เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ อย่าไปยอมพวกมัน

พวกบริษัทที่มารับก่อสร้างพวกนี้นั้น เป็นบริษัทที่เรียกได้ว่า ยักษ์ใหญ่ ในวงการก่อสร้างเลยทีเดียวครับ พวกนี้เค้ามีเงินอยู่แล้วครับ เอะอะอะไรก็เอาเงินมาชดใช้ให้ แต่มันไม่เพียงพอหรอกครับ อันที่จริงแล้ว ถ้าเป็นในต่างประเทศ ถึงแม้ผู้เสียหายจะไม่เอาเรื่องและยอมความกันไป แต่ทางรัฐหรืออัยการเขตจะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเองนะครับ เพราะถือเป็นการสร้างความเสียหายให้กับประชาชน ต้องชดใช้ให้รัฐนะครับ แต่อย่างว่า ย้ำอีกครั้งว่า เพราะนี่คือ Thailand Only! ก็หยวนๆ กันไปละกันนะ

ฟันธง ! nissan almera หรือ march เลือกอันไหนดี

ขอพักจาก การวิพากษ์วิจารณ์การขับขี่บนถนน และเรื่องเครียดๆ ของการจราจร มาพูดคุยกันในเรื่องนี้สักหน่อย ในยุคนี้ พ.ศ. นี้ ต้องบอกว่า Eco Car กำลังเป็นที่นิยมกันมาก ผู้ผลิตรถยี่ห้อดังๆ ที่เรารู้จักกัน ผลิตรถ อีโค คาร์ มาแข่งขันกันในตลาดล่างกันน่าดูเลยทีเดียว ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน ขนาดรถ ที่ใกล้เคียงกัน เป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะเลือกว่าจะเอายี่ห้อไหนดี แต่อย่างไรก็ตามการต้องเลือกว่าจะเอายี่ห้อไหนดีนั้น ยังง่ายกว่า การที่ต้องมาเลือกว่า จะเอารุ่นไหนดี ในที่นี้ผมจะพูดถึงคำถามยอดฮิตกันเลยทีเดียว นั่นคือ ระหว่าง  nissan almera หรือ march เลือกอันไหนดี ล่ะ???

nissan almera

ด้วยความที่ นิสสัน ดันเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่ดันออกรถ Eco Car มาสองรุ่น สองแบบ ที่มีสมรรถนะเหมือนกันเลย ต่างกันที่เป็นแบบคันเล็ก 5 ประตู hatchback กับแบบคันใหญ่ ซีดาน เครื่องยนต์ก็เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกัน การตกแต่งภายในก็เหมือนกัน วัสดุก็เป็นแบบเดียวกัน ทีนี้ เลยเป็นเรื่องยากของผู้ที่ต้องการจะซื้อว่า แล้วจะซื้อตัวไหนดีล่ะ ระหว่าง nissan almera หรือ march เลือกอันไหนดีกันล่ะทีนี้ เลือกอย่างเหมือนกันนะครับ รักพี่ เสียดายน้อง สวยและมีดีกันคนละแบบ อีกคันก็เล็กสะดวกสบาย แต่งสวย อีกคันก็ใหญ่ นั่งกันสบาย มีที่เก็บของข้างหลังเยอะ แต่งก็สวยอีกนั่นแหละ เลือกยากมากๆ

เปรียบเทียบ  nissan almera และ นิสสัน march

nissan march

จากที่ผมเอง มีทั้ง nissan march และ nissan almera ไว้ในครอบครองทั้ง 2 คัน โดย นิสสัน มาร์ช ที่ผมมีนั้นเป็น new March นะครับ ที่เพิ่งออกมาปี 2013 เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ผมก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์ที่ผมมี มาแชร์กันให้เห็นๆไปเลยดีกว่าครับ ชัดเจนที่สุด จบที่บทความนี้เลย ไม่ต้องไปหาอ่านอีกทั้งในเวบบอร์ดของ March club และ เวบบอร์ดของ Almera club มาว่ากันเลยดีกว่านะครับ
  • นิสสัน มาร์ช มีขนาดกะทัดรัด เข้าจอดรถง่าย เนื่องจากมีขนาดความยาวที่สั้นกว่า Almera 
  • ช่วงล่างทั้ง March และ Almera ไม่ต่างกันเลย ไม่ถึงกับเป็นเกรดเอ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย แต่ถ้าเทียบกับ Vios แล้วล่ะก็ ช่วงล่างของ Vios ยังดีกว่า แต่ถ้าเทียบกับ new City แล้ว March กับ Almera ดีกว่าครับ
  • Almera ติดแก็ส LPG ได้จุกว่า คือใส่ถังได้ใหญ่กว่าเยอะ ใส่ถังแคปซูลแล้วยังเก็บยางอะไหล่ได้ด้วย แต่ March ทำติดได้แต่ถังโดนัท แถมเก็บยางอะไหล่ไม่ได้ ต้องวางไว้ก็ลำบากอีก
  • เครื่องยนต์และการประหยัดของทั้ง March และ Almera เท่ากัน ความประหยัด มันก็ประหยัดตามมาตรฐานอยู่แล้ว และประหยัดกว่าเครื่อง 1,500 cc ทั่วไปอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็อยู่ที่ “เท้า” ใคร เท้ามัน ล่ะครับ เหยียบมากก็กินมาก
ทีนี้ผมจะมาพูดถึงปัจจัยที่เราจะมาคำนึงกันแบบช็อตต่อช็อตกันเลยดีกว่า จะได้ตรงใจกันไปเลย
  • หากการใช้งานของคุณเป็นแบบในเมืองใหญ่เช่น กรุงเทพ ที่รถติดมาก ไปห้างบ่อย เข้าซอยเล็ก เช่าอพาร์ทเมน พักในคอนโด บ้านไม่มีที่จอดรถ หรือที่จอดรถน้อย แนะนำว่า March เหมาะสุดกับคุณครับ
  • หากการใช้งานของคุณต้องมีการบรรทุกคนบ่อยๆ และหลายคน เช่น ไปกันทั้งครอบครัว ไปเที่ยวต่างจังหวัด พักหลายคืน นั่งกันอย่างน้อย 5-6 คน เบียดกันบ้างก็ไม่เป็นไร แนะนำเลยว่า Almera คือคำตอบของคุณครับ
  • หากการใช้งานของคุณต้องการเอาไปติดแก๊ส ให้มันประหยัดสุดๆ แล้วก็ไม่ต้อง “เติมแก๊สบ่อยๆ” แนะนำว่า Almera ก็คือคำตอบของคุณอีกเช่นกันครับ
ผมสรุปให้ 3 แบบเท่านั้นพอนะครับ คิดว่าครอบคลุมพอให้ตัดสินใจเลือกได้แล้วว่าจะเอารุ่นไหน เพราะว่าความแตกต่างของทั้ง nissan almera และ nissan march นั้นเป็นเรื่องของ รูปทรง และโครงสร้างของรถเท่านั้น เรื่องของเครื่องยนต์ และวัสดุ รวมทั้ง ดีไซน์ภายในนั้น เหมือนกันหมด ดังนั้นต้องมองเรื่องของการใช้งานในชีวิต และ Life Style ของคุณเป็นหลักสำคัญครับ จะได้ตรงใจกับคุณมากที่สุด หรือไม่ก็เลือกเอาตามแบบที่คุณชอบ เช่นบางคนชอบกับทรงของ March อยู่แล้ว ยังไงก็เลือก มาร์ช แน่นอนอันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ

แถมไว้นิดนึงเพื่อการตัดสินใจ ของผู้ที่สนใจ Eco Car ทุกคน เปรียบเทียบ Eco Car หลายยี่ห้อที่ออกมาตอนนี้ รวมทั้ง ราคารถนิสสัน ทั้งสองรุ่นที่ผมกล่าวมาด้วย โดยรุ่นที่เอามาเปรียบเทียบนี้คือ รุ่นท็อป เลยนะครับ

ราคารถนิสสัน

สุดท้ายอยากจะขอฝากนิดนึง เมื่อเลือกรถมาได้แล้ว ในการขับขี่ขอให้ระมัดระวังให้มากๆนะครับ รักษากฎระเบียบ และวินัยจราจร ด้วยนะครับ เพราะแม้ว่าจะเป็น เหล็กหุ้มเนื้อ แต่ Eco Car นั้น ไม่ได้ทำจากเหล็กล้วนๆ เหมือนรถยนต์ในสมัยก่อน มันผสมพวกคาร์บอน และใช้เหล็กผสมให้น้อยลง เพื่อเกิดความเบา รวมทั้งลดต้นทุนในการผลิต แนะนำว่า อย่าชนจะดีที่สุดครับ เพราะมันยุบง่าย แถมเคาะก็ไม่ได้อีกด้วย ต้องเปลี่ยนอย่างเดียว ระมัดระวังให้มากๆ ผมเคยเจอรถ March ประสบอุบัติเหตุที่เส้นทางถนนมิตรภาพ ไปปากช่อง สภาพรถเหมือนกระดาษเลยครับ ยับยู่ยี่ไปหมด เพราะวัสดุที่มาทำมันไม่ได้แข็งอะไรมากมายไงครับ แม้ว่าในเรื่องของสมรรถนะ การขับขี่ของ รถนิสสัน อัลเมร่า และ march ต้องบอกว่าของเค้าชัวร์จริงๆ การเข้าโค้งนี่ หนึบมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากการขับของเราอย่างเดียวนะครับ คนอื่นอาจจะขับเสียหลักมาชนเราก็ได้ แต่หากเราระมัดระวังตลอดเวลา และไม่แซงในจุดที่เสี่ยง หรือปาดไปมา ซิ่งอะไรมากมาย อุบัติเหตุนั้นก็ยากที่จะเกิดครับ ฝากเอาไว้เพราะเป็นห่วงครับ

ถ้าหากถูกใจในบทความที่ผ่านมาของผม ช่วยกันกด Like หรือไม่ก็นำไปแชร์ต่อทีนะครับ อยากให้ทุกคนได้อ่าน และได้รับรู้ครับ เพื่อปลุกสำนึกที่ดีในการขับขี่ และวินัยจราจรที่ดีจะได้มีเกิดขึ้นเสียทีครับ เริ่มจากในกรุงเทพกันก่อนเลยครับ เอาไปแชร์กันใน Facebook ได้เลยนะครับ หรือจะติดตามบทความผมจาก Twitter ก็ได้เช่นกันครับ

วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รถกระบะ isuzu d-max ลัดคิว ปาดหน้าสะพานข้ามวิภาวดี

บทความนี้คงถูกใจคนที่ใช้รถ ใช้ถนนงามวงศ์วาน ช่วงหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อย่างแน่นอน คือถนนงามวงศ์วานฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร นั่นเอง โดยเฉพาะช่วงเวลาตอนสายๆ ประมาณ 9.30-1100 และในตอนเย็น ช่วงเวลา 1700-1900 ซึ่งมีการจราจรที่หนาแน่นมากๆ หรือเรียกง่ายๆว่า รถติดโคตรๆ ทั้งๆที่ไม่มีแยกไฟแดงอยู่ข้างหน้า เมื่อคุณมุ่งหน้ามาจาก ถนนเกษตร-นวมินทร์ หรือ แยกเกษตรก็ตาม จะเห็นว่าหากขับมาตามถนนงามวงศ์วานเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานข้ามแยกถนนวิภาวดี หรือถ้าไม่ขึ้นสะพานก็จะผ่านหน้าโรงพยามบาลวิภาวดี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีไป ไม่เห็นจะมีไฟแดงหรืออะไรที่พอจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดขัดได้เลยนี่นา สาเหตุจริงๆ คือพวกชอบลัดคิวปาดหน้านั่นเอง ตัวอย่างวันนี้ที่ผมเจอชัดๆ ก็คุณ รถกระบะ isuzu d-max สีน้ำเงินคันนี้แหละครับ

รถกระบะ isuzu d-max

จริงๆแล้วสาเหตุหลักๆเลยก็อย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ ในบทความ รถติด แยกเศรษฐศิริ คือรถมันติด “สะท้าน” มาจากแยกแคราย แยกพงษ์เพชร ตามลำดับมาจนถึงสะพานข้ามถนนวิภาวดี สะท้านลงไปถึงอุโมงค์ลอดใต้แยกเกษตร เอาเป็นว่ายาวอ่ะครับ แต่ที่จะเห็นว่ามันซ้ำเติมการจราจรที่ติดขัดนั้นก็เห็นจะเป็นการแซง ลัดคิว เหมือน ที่ผมเจอที่ แยกลาดปลาเค้า ก่อนหน้านี้ ซึ่งในคลิปนี้ จะเห็นภาพชัดเจนเลยครับ ว่าการแซงลัดคิว ปาดหน้ากันเนี่ย มันทำให้รถติดยังไง มาดูคลิปกันครับ ตัวอย่างชัดๆ ก็ รถกระบะ isuzu d-max คันนี้เลย

ตัวอย่าง รถกระบะ isuzu d-max ปาดหน้าชาวบ้านเค้าอย่างไม่ละอาย


จากคลิปนี้จะเห็นว่า มีรถติดยาวลงมาจากสะพานข้ามถนนวิภาวดี ซึ่งตามเครื่องหมาย เส้นขาว บนถนนแล้ว มีเพียง 2 ช่องทางเท่านั้นที่ขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดีได้ แต่จากคลิปที่เราเห็นคือ รถส่วนใหญ่ที่มาทีหลังจะแซงซ้ายมาด้วย 2 เลนซ้ายสุด แล้วมาแย่งกันปาดเข้าสองเลนขวาเพื่อข้ามสะพานข้ามถนนวิภาวดี โดยมาแซงลัดคิดตรงตีนสะพาน ใกล้จุดกั้นเลยทีเดียว ปาด และ เบียดกันตรงนั้นเลย ผมอยากถามท่านผู้อ่านสักคำถามครับ ว่า มันแฟร์กับรถที่เค้าเข้าคิวรอกันอยู่ข้างหลังมั้ยครับ ?

หากคุณเป็นคนที่ขับรถอยู่ด้านหลัง แล้วมาตามกฏจราจร คือจะขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดี คุณก็อยู่ในสองเลนขวาสุด แล้วคุณก็มาติดอยู่ตามทางเรื่อยๆ รอคิว ไปเรื่อยๆ จนเมื่อรถคุณเคลื่อนตัวมาถึงหน้าร้านอาหารบัว หรือใกล้จะขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดี แล้วคุณก็เพิ่งจะมาถึงบางอ้อ ว่า อ้อ แบบนี้เองเหรอที่ทำให้รถติด เพราะมีคนมาลัดคิวกันแบบนี้งั้นเหรอ ทั้งๆที่คุณต้องรอคิวมาตั้งนาน ไม่เป็นไร งั้นคราวหน้าถ้ามาเส้นทางนี้อีก คุณก็คิดว่า คุณก็จะทำแบบนี้อีก มาแซงคิวเค้าบ้าง และเมื่อคนต่อไปมาเจอแบบนี้ ก็จะคิดและทำแบบคุณอีก เป็นวัฏจักรต่อไปไม่จบสิ้น พฤติกรรมเลียนแบบ และไม่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบแบบไม่ถูกทาง

ผมว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าทุเรศมากๆครับ ในคลิปตามที่คุณเห็น ผมต้องการจะเลี้ยวซ้ายออกถนนวิภาวดี เพราะต้องการไปที่เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ผมต้องมาติดพวกรถที่จ้องจะไปแซงคิวชาวบ้านเค้า เสียเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง คุณว่ามันตลกมั้ยครับ ทั้งๆที่รถถนนที่จะวิ่งไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีนั้นโล่งมากๆ แต่ผมต้องมาเสียเวลาติดแหง็กโดยใช่เหตุ การจราจรเมืองไทย มันแย่ขนาดไหนครับ ลองนึกดูนะครับ ว่าถ้ามีคนป่วยต้องการมาที่ โรงพยาบาลวิภาวดี แล้วคนป่วยคนนั้นต้องการการรักษาที่เร่งด่วน อาการหนัก หรือคนจะคลอดต้องรีบเดินทางมาคลอด แต่ต้องมาติดเพราะพวกรถที่รอจะไปแซงลัดคิดเค้าแบบนี้ หากคุณเป็นญาติคนป่วยเหล่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไรครับ

ที่ผมกำลังจะพูด และต้องการจะสื่อคือ ณ จุดนี้ วิธีการที่ควรจะแก้ไขคือการบังคับวินัยจราจรตรงนี้ให้เข้มงวด ถนนเส้นนี้ ระยะทางระหว่าง อุโมงค์ มาจนถึง สะพานข้ามถนนวิภาวดีนั้น ไม่ยาวมากครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสัก 2 คน มาเลยครับ ไม่ต้องตั้งด่านเถื่อน จับกันไปเลย เดินไปเคาะกระจก ยึดใบขับขี่ เรียกเข้าข้างทางเลยครับ จับปรับให้หมด ดีกว่าไปตั้งด่านเถื่อน ยิ่งมีคนถ่ายคลิปไปลง ก็ยิ่งมีคนสรรเสริญการกระทำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมสนับสนุนเลยครับ อย่ายืนเด่นมากนะครับ ซุ่มรอ แล้วจับเลยนะครับ คนพวกนี้ ถ้าเห็นตำรวจก็ไม่กล้ากระทำความผิดแล้วล่ะครับ หากใครอ่านบทความนี้แล้วใกล้ชิดสนิทสนม หรือรู้จักกับผู้มีอำนาจแล้วล่ะก็ ช่วยแนะนำให้เอาตำรวจมาจับพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ทำถูกวินัยจราจรหน่อยนะครับ จะเป็นพระคุณกับคนใช้รถใช้ถนนเส้นนี้อีกเยอะเลยทีเดียว

กฎหมายของเมืองไทยบ้านเรายังต้องปรับปรุงอีกเยอะครับ ผมมองว่าทั้งเรื่องค่าปรับ และค่าตอบแทนตำรวจต่อใบสั่ง 1 ใบนั้นห่วยแตกมากๆ สมควรที่จะปรับปรุงให้เหมือนต่างประเทศได้แล้ว ถ้ารัฐเพิ่มค่าตอบแทนให้กับใบสั่งสัก 40-50% แล้วล่ะก็ จะเป็นแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเคร่งครัด และช่วยป้องกันตำรวจเถื่อน ตั้งด่านรีดไถเองด้วยนะครับ ค่าปรับต่อการกระทำผิดแต่ะกรณีก็ขอให้ขึ้นแบบสุดๆ ไปเลย เช่นขับรถโดยประมาทเนี่ย ปัจจุบันปรับแค่ 400 บาท ผมว่ามันเก่าไปแล้วครับ มันควรจะปรับสัก 20,000 บาท หลายคนอาจจะคิดว่าผมบ้า ปัญญาอ่อน แต่ถ้าคุณๆที่ขับรถรู้ว่า หากคุณขับรถประมาท แล้วชนกับคันอื่น เช่นปาดหน้า แซงฉุกเฉิน ลัดคิวชาวบ้าน แล้วชนกับเค้าเนี่ย นอกจากต้องเสียค่าเรียกประกันแล้ว ยังต้องเสียค่าปรับที่โรงพักอีกตั้ง 20,000 บาท พวกคุณๆ จะอยากขับรถชนอีกมั้ยครับ ประกันช่วยซ่อมได้แต่รถ แต่คุณในฐานะคนขับก็ต้องเสียเงินมากด้วยจริงมั้ยครับ แนวความคิดนี้ ผมไม่ได้ปัญญาอ่อนนะครับ แต่ที่เมืองนอก เช่น อเมริกา เค้าทำจริงๆ เอาตัวอย่างง่ายๆ ผมขับรถเร็วเกิน speed limit คือ เค้าจำกัดที่ 65 miles/h แต่ผมขับที่ 75 miles/h ผมโดนใบสั่ง ปรับไป 250 ดอลลาร์ โหดมั้ยครับ ดังนั้นคนที่นั่นเค้าเลยขับรถกันแบบตามป้ายจราจรจริงๆ เพราะมีตำรวจซุ่มคอยจับความเร็วอยู่ตลอด เพราะเค้าได้ส่วนแบ่งจากใบสั่งเยอะไงครับ เมืองไทยสมควรจะทำแบบนี้ครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมรัฐบาลไหนๆ ไม่เอาเข้าสภา แล้วแก้กฎหมายนี้ซะนอกจากจะทำให้คนกลัวกฎหมาย ไม่กล้าทำผิด เสริมสร้างวินัยจราจรแล้วยังเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับตำรวจอีกด้วย ผมว่าดีทั้งขึ้นทั้งล่องเลยครับ

นิสสัน ทีด้า ขับได้ "เลว" จริงๆ

เจออีกแล้วครับ กับนิสัยขับรถแซงคิว ไม่สนใจพวกที่เค้าเข้าคิวต่อกันมายาวนาน โดยวันนี้เป็นคนขับรถ นิสสัน ทีด้า สีดำ ช่างเห็นแก่ตัวแท้ๆนะครับคนเรา ลองนึกดูง่ายๆ ครับ ถ้าคุณยืนเข้าคิวรอจ่ายเงินที่ cashier หรือจุดคิดเงินในห้าง บิ๊กซี หรือ โลตัส แล้วช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่มีคนเยอะ คิวที่รอต่อแถวไม่ว่าช่องไหนก็นานเหมือนกันหมด ทีนี้ในขณะที่คุณกำลังรอต่อคิวอยู่นั้น อยู่ก็มีใครไม่รู้ เข็นรถมาแซงเข้าไปเอาของวางแล้วจ่ายเงินก่อนหน้าตาเฉย โดยที่ทั้งคุณ และคนอื่นๆที่ยืนรอคิวก่อนหน้าคุณนั้นก็ยังรอต่อคิวอยู่ คุณและคนที่อยู่คิวก่อนหน้าคุณอีกหลายคน จะทำอย่างไรครับ ???

นิสสัน ทีด้า

คำตอบก็คือ คุณจะไม่ยอมให้คนๆนั้น เข้ามาแซงได้แน่นอน คุณจะเข้าไปต่อว่า มีเรื่อง หรือทำอะไรๆที่รุนแรงด้วยอารมณ์โมโหนั่นเอง ทั้งรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม ไม่แฟร์ ขี้โกง และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งแน่นอนครับ ว่าเรื่องนี้คุณถูก 100% ในเมื่อชีวิตจริงของคนเรา ไม่ยอมให้คนอื่นมาลัดคิว แซงคิด และคนส่วนใหญ่ ก็ไม่กล้าที่จะมาแซงคิว หรือว่าลัดคิวอยู่แล้ว แต่ทำไมบนถนน ถึงมีแต่เรื่องการแซงคิด การลัดคิวกันอยู่เสมอๆ ซึ่งมันไม่ถูกเลยครับ กับเรื่องแบบนี้ คนที่ถูกปาดหน้า ก็ไม่พอใจ บางคนถึงขั้นเบียดกันจนรถสีข้างถลอกต้องจอดลงมามีเรื่องชกต่อยกัน เรียกเจ้าหน้าที่ ประกันภัย เสียเวลากันทั้งสองฝ่าย กระทบการจราจรของคนส่วนใหญ่อีก ทำไมวินัยจราจรบ้านเราถึงเป็นแบบนี้

นั่นก็เพราะนิสัยแย่ๆ อย่างที่ผมเคยสรุปมาแล้วใน บทความ ก่อนหน้านี้ ว่าเกิดจากความ เห็นแก่ตัว อยากไปก่อน มักง่าย เห็นคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน นิยมนิสัย พฤติกรรมเอาอย่างแบบผิดๆ เลียนแบบในสิ่งที่ผิด ซึ่งผมบอกตรงๆว่า เป็นนิสัยที่แย่มากๆ เรียกว่า “เลว” ได้เลยทีเดียว ตัวผมเองนั้นไม่เคยทำนิสัยแบบนี้ จะไปไหนก็เข้าเลนให้ถูกต้อง รอตามคิว แต่มักจะเจอพวกที่ชอบปาดหน้าบ้าง ไปแซงคิวเอาข้างหน้าบ้าง ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนคงรู้สึกไม่ต่างจากผม ว่าทำไมมันทำแบบนี้ นิสัยสันดานมันทำไมแย่จัง ทุกคนเค้าก็รีบเหมือนกันหมดแหละ แต่เพราะการไม่ไปตามคิวนี่แหละ ที่ทำให้เกิดทั้ง การจราจร ที่ติดขัด และอุบัติเหตุ โดยที่ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย

ตัวอย่าง นิสสัน ทีด้า ขับรถมารยาททราม

นี่คือเหตุการณ์ที่ผมเจอมาวันนี้เต็มๆครับ นั่นคือ รถยนต์ นิสสัน ทีด้า สีดำคันนี้นั้น ไม่วิ่งอยู่ในเลนที่ถูกต้อง คือ nissan tida คันนี้เค้าต้องการตรงไป ผ่านแยกลาดปลาเค้า แต่เค้าขี้เกียจ หรือไม่อยากรอคิว หรือ บุพการี หรือครอบครัว เค้าอาจเจ็บป่วย หรือเสียชีวิต หรือเค้าเป็นเทวดามาจากไหน อันนี้ผมก็ไม่ทราบได้ เลยวิ่งอยู่ในเลนขวาสุด ซึ่งเป็นเลนสำหรับรถที่ต้องการเลี้ยวขวา ซึ่งในขณะนั้น ไฟเขียวให้ช่องทางรถที่ต้องการเลี้ยวขวา ในช่องขวาสุดเลี้ยวได้ แต่รถที่ตรงไปนั้นติดไฟแดง เหตุเกิด ณ แยกลาดปลาเค้า บนถนนเกษตร-นวมินทร์ ผมต้องการเลี้ยวขวาเข้าถนนลาดปลาเค้าเพื่อไปออก ถ.รามอินทรา แต่ผมต้องมาเบรกและติดอยู่หลังรถ นิสสัน ทีด้า คันนี้ที่ต้องการจะตรงไป แต่ลักไก่มาอยู่เลนขวาสุด กะรอว่าถ้าทางตรงไฟเขียวเมื่อไหร่ก็จะแทรกเข้าไปในช่องเลนกลางทันที ดูเลยครับตามคลิป


เป็นไงครับ นิสัยดีมั้ยครับแบบนี้ ถ้าเป็นคุณ คุณจะหงุดหงิด โมโห หรือมีอารมณ์มั้ยครับ ถ้าคุณต้องมาติดไฟแดง เพราะโดนรถที่จ้องจะลักไก่แซงคิวชาวบ้านคันนี้มาขวางเอาไว้ ถ้าคุณเจอแบบนี้ คุณจะรู้สึกอย่างไร ถามตัวเองกันครับ สำหรับคนที่ชอบแซงคนอื่น และกำลังอ่านอยู่ นึกถึงเวลาตัวเองโดนคนอื่นเค้าแซงคิวบ้างนะครับ คนเราต้องยอมรับความจริง และเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ในคลิปนี้ผมบีบแตรดังลั่นค้างไว้ยาวนานเลย ให้คนขับรถที่อยู่เลนกลางเค้าได้รู้ว่า ไอ้นิสสันคันนี้มันจ้องจะมาลักไก่ สันดานแย่มากๆ แถมปิดช่องทางเดินรถที่เค้าขับมาอย่างถูกต้องตามเครื่องหมายจราจรอีกต่างหาก

ตัวผมเองนั้น นึกไม่ออกว่าจะเสนอแนวความคิดแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ความรุนแรงย่อมไม่ใช่ทางออก แต่ผมก็คิดว่า คนพวกนี้ มีเงินซื้อรถ มีเงินเติมน้ำมัน ก็น่าจะเป็นคนที่มีสมองบ้าง และต้องผ่านการอบรมและสอบใบขับขี่มาบ้าง น่าจะมีสมองรู้จักทั้งกฎหมายจราจร และระเบียบวินัยบนท้องถนนอยู่บ้าง แต่ไหง ทั้งๆที่พวกเค้ารู้ เค้ายังทำในสิ่งที่ผิดกันอยู่ หรือว่ามาตรฐานจิตสำนึกของคนไทยนั้น มันต่ำลงแล้ว

อีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งคือ สมัยที่ผมอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 3 ปีที่แล้วนั้น ระเบียบวินัยการ จราจร ของที่นั่นถือว่ายอดเยี่ยมมากๆ มีระเบียบ และผู้คนมีจิตสำนึกกันมากๆ หลายครั้งผมคิดนะครับว่าทำไม และเพราะอะไรคนที่นั่นถึงได้มีระเบียบวินัยกันขนาดนี้ หรือจะเป็นเพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่นคนที่ไม่หยุดที่ป้าย Stop จะโดนตำรวจจับปรับในราคาที่แพงมากๆ เป็นร้อยดอลลาร์เลยทีเดียว หรือ คนที่นั่นมีการศึกษามากกว่าเรา อันนี้ก็คงไม่ใช่ เพราะผมดูแล้ว คนไทยเรามีการศึกษาสูงกันเยอะนะครับ หรือยิ่งความเจริญมาก จิตสำนึกยิ่งต่ำลง อันนี้ก็ไม่น่าใช่อีก เพราะ อเมริกาเค้าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว แต่ประชาชนกลับมีจิตสำนึกสูงมากๆ ในเรื่องการใช้รถ แค่เห็นผมยืนบนฟุตบาททำท่าจะข้ามถนน ก็ “เต็มใจ” หยุดรถให้ทันที ตอนที่ผมไปแรกๆ งงเลยทีเดียว พูดไปแล้วเดี๋ยวจะยาว เดี๋ยวผมค่อยมาเล่าให้ฟังในเรื่องประสบการณ์จราจรในต่างประเทศกันดีกว่าครับ