วันพุธที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2556

รถกระบะ isuzu d-max ลัดคิว ปาดหน้าสะพานข้ามวิภาวดี

บทความนี้คงถูกใจคนที่ใช้รถ ใช้ถนนงามวงศ์วาน ช่วงหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อย่างแน่นอน คือถนนงามวงศ์วานฝั่งตรงข้าม ม.เกษตร นั่นเอง โดยเฉพาะช่วงเวลาตอนสายๆ ประมาณ 9.30-1100 และในตอนเย็น ช่วงเวลา 1700-1900 ซึ่งมีการจราจรที่หนาแน่นมากๆ หรือเรียกง่ายๆว่า รถติดโคตรๆ ทั้งๆที่ไม่มีแยกไฟแดงอยู่ข้างหน้า เมื่อคุณมุ่งหน้ามาจาก ถนนเกษตร-นวมินทร์ หรือ แยกเกษตรก็ตาม จะเห็นว่าหากขับมาตามถนนงามวงศ์วานเรื่อยๆ ก็จะเจอสะพานข้ามแยกถนนวิภาวดี หรือถ้าไม่ขึ้นสะพานก็จะผ่านหน้าโรงพยามบาลวิภาวดี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีไป ไม่เห็นจะมีไฟแดงหรืออะไรที่พอจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดขัดได้เลยนี่นา สาเหตุจริงๆ คือพวกชอบลัดคิวปาดหน้านั่นเอง ตัวอย่างวันนี้ที่ผมเจอชัดๆ ก็คุณ รถกระบะ isuzu d-max สีน้ำเงินคันนี้แหละครับ

รถกระบะ isuzu d-max

จริงๆแล้วสาเหตุหลักๆเลยก็อย่างที่ผมเคยบอกไปก่อนหน้านี้ ในบทความ รถติด แยกเศรษฐศิริ คือรถมันติด “สะท้าน” มาจากแยกแคราย แยกพงษ์เพชร ตามลำดับมาจนถึงสะพานข้ามถนนวิภาวดี สะท้านลงไปถึงอุโมงค์ลอดใต้แยกเกษตร เอาเป็นว่ายาวอ่ะครับ แต่ที่จะเห็นว่ามันซ้ำเติมการจราจรที่ติดขัดนั้นก็เห็นจะเป็นการแซง ลัดคิว เหมือน ที่ผมเจอที่ แยกลาดปลาเค้า ก่อนหน้านี้ ซึ่งในคลิปนี้ จะเห็นภาพชัดเจนเลยครับ ว่าการแซงลัดคิว ปาดหน้ากันเนี่ย มันทำให้รถติดยังไง มาดูคลิปกันครับ ตัวอย่างชัดๆ ก็ รถกระบะ isuzu d-max คันนี้เลย

ตัวอย่าง รถกระบะ isuzu d-max ปาดหน้าชาวบ้านเค้าอย่างไม่ละอาย


จากคลิปนี้จะเห็นว่า มีรถติดยาวลงมาจากสะพานข้ามถนนวิภาวดี ซึ่งตามเครื่องหมาย เส้นขาว บนถนนแล้ว มีเพียง 2 ช่องทางเท่านั้นที่ขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดีได้ แต่จากคลิปที่เราเห็นคือ รถส่วนใหญ่ที่มาทีหลังจะแซงซ้ายมาด้วย 2 เลนซ้ายสุด แล้วมาแย่งกันปาดเข้าสองเลนขวาเพื่อข้ามสะพานข้ามถนนวิภาวดี โดยมาแซงลัดคิดตรงตีนสะพาน ใกล้จุดกั้นเลยทีเดียว ปาด และ เบียดกันตรงนั้นเลย ผมอยากถามท่านผู้อ่านสักคำถามครับ ว่า มันแฟร์กับรถที่เค้าเข้าคิวรอกันอยู่ข้างหลังมั้ยครับ ?

หากคุณเป็นคนที่ขับรถอยู่ด้านหลัง แล้วมาตามกฏจราจร คือจะขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดี คุณก็อยู่ในสองเลนขวาสุด แล้วคุณก็มาติดอยู่ตามทางเรื่อยๆ รอคิว ไปเรื่อยๆ จนเมื่อรถคุณเคลื่อนตัวมาถึงหน้าร้านอาหารบัว หรือใกล้จะขึ้นสะพานข้ามถนนวิภาวดี แล้วคุณก็เพิ่งจะมาถึงบางอ้อ ว่า อ้อ แบบนี้เองเหรอที่ทำให้รถติด เพราะมีคนมาลัดคิวกันแบบนี้งั้นเหรอ ทั้งๆที่คุณต้องรอคิวมาตั้งนาน ไม่เป็นไร งั้นคราวหน้าถ้ามาเส้นทางนี้อีก คุณก็คิดว่า คุณก็จะทำแบบนี้อีก มาแซงคิวเค้าบ้าง และเมื่อคนต่อไปมาเจอแบบนี้ ก็จะคิดและทำแบบคุณอีก เป็นวัฏจักรต่อไปไม่จบสิ้น พฤติกรรมเลียนแบบ และไม่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบแบบไม่ถูกทาง

ผมว่านี่มันเป็นเรื่องที่น่าทุเรศมากๆครับ ในคลิปตามที่คุณเห็น ผมต้องการจะเลี้ยวซ้ายออกถนนวิภาวดี เพราะต้องการไปที่เซ็นทรัลลาดพร้าว แต่ผมต้องมาติดพวกรถที่จ้องจะไปแซงคิวชาวบ้านเค้า เสียเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง คุณว่ามันตลกมั้ยครับ ทั้งๆที่รถถนนที่จะวิ่งไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีนั้นโล่งมากๆ แต่ผมต้องมาเสียเวลาติดแหง็กโดยใช่เหตุ การจราจรเมืองไทย มันแย่ขนาดไหนครับ ลองนึกดูนะครับ ว่าถ้ามีคนป่วยต้องการมาที่ โรงพยาบาลวิภาวดี แล้วคนป่วยคนนั้นต้องการการรักษาที่เร่งด่วน อาการหนัก หรือคนจะคลอดต้องรีบเดินทางมาคลอด แต่ต้องมาติดเพราะพวกรถที่รอจะไปแซงลัดคิดเค้าแบบนี้ หากคุณเป็นญาติคนป่วยเหล่านั้น คุณจะรู้สึกอย่างไรครับ

ที่ผมกำลังจะพูด และต้องการจะสื่อคือ ณ จุดนี้ วิธีการที่ควรจะแก้ไขคือการบังคับวินัยจราจรตรงนี้ให้เข้มงวด ถนนเส้นนี้ ระยะทางระหว่าง อุโมงค์ มาจนถึง สะพานข้ามถนนวิภาวดีนั้น ไม่ยาวมากครับ เจ้าหน้าที่ตำรวจสัก 2 คน มาเลยครับ ไม่ต้องตั้งด่านเถื่อน จับกันไปเลย เดินไปเคาะกระจก ยึดใบขับขี่ เรียกเข้าข้างทางเลยครับ จับปรับให้หมด ดีกว่าไปตั้งด่านเถื่อน ยิ่งมีคนถ่ายคลิปไปลง ก็ยิ่งมีคนสรรเสริญการกระทำของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมสนับสนุนเลยครับ อย่ายืนเด่นมากนะครับ ซุ่มรอ แล้วจับเลยนะครับ คนพวกนี้ ถ้าเห็นตำรวจก็ไม่กล้ากระทำความผิดแล้วล่ะครับ หากใครอ่านบทความนี้แล้วใกล้ชิดสนิทสนม หรือรู้จักกับผู้มีอำนาจแล้วล่ะก็ ช่วยแนะนำให้เอาตำรวจมาจับพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนที่ทำถูกวินัยจราจรหน่อยนะครับ จะเป็นพระคุณกับคนใช้รถใช้ถนนเส้นนี้อีกเยอะเลยทีเดียว

กฎหมายของเมืองไทยบ้านเรายังต้องปรับปรุงอีกเยอะครับ ผมมองว่าทั้งเรื่องค่าปรับ และค่าตอบแทนตำรวจต่อใบสั่ง 1 ใบนั้นห่วยแตกมากๆ สมควรที่จะปรับปรุงให้เหมือนต่างประเทศได้แล้ว ถ้ารัฐเพิ่มค่าตอบแทนให้กับใบสั่งสัก 40-50% แล้วล่ะก็ จะเป็นแรงจูงใจให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานกันอย่างเคร่งครัด และช่วยป้องกันตำรวจเถื่อน ตั้งด่านรีดไถเองด้วยนะครับ ค่าปรับต่อการกระทำผิดแต่ะกรณีก็ขอให้ขึ้นแบบสุดๆ ไปเลย เช่นขับรถโดยประมาทเนี่ย ปัจจุบันปรับแค่ 400 บาท ผมว่ามันเก่าไปแล้วครับ มันควรจะปรับสัก 20,000 บาท หลายคนอาจจะคิดว่าผมบ้า ปัญญาอ่อน แต่ถ้าคุณๆที่ขับรถรู้ว่า หากคุณขับรถประมาท แล้วชนกับคันอื่น เช่นปาดหน้า แซงฉุกเฉิน ลัดคิวชาวบ้าน แล้วชนกับเค้าเนี่ย นอกจากต้องเสียค่าเรียกประกันแล้ว ยังต้องเสียค่าปรับที่โรงพักอีกตั้ง 20,000 บาท พวกคุณๆ จะอยากขับรถชนอีกมั้ยครับ ประกันช่วยซ่อมได้แต่รถ แต่คุณในฐานะคนขับก็ต้องเสียเงินมากด้วยจริงมั้ยครับ แนวความคิดนี้ ผมไม่ได้ปัญญาอ่อนนะครับ แต่ที่เมืองนอก เช่น อเมริกา เค้าทำจริงๆ เอาตัวอย่างง่ายๆ ผมขับรถเร็วเกิน speed limit คือ เค้าจำกัดที่ 65 miles/h แต่ผมขับที่ 75 miles/h ผมโดนใบสั่ง ปรับไป 250 ดอลลาร์ โหดมั้ยครับ ดังนั้นคนที่นั่นเค้าเลยขับรถกันแบบตามป้ายจราจรจริงๆ เพราะมีตำรวจซุ่มคอยจับความเร็วอยู่ตลอด เพราะเค้าได้ส่วนแบ่งจากใบสั่งเยอะไงครับ เมืองไทยสมควรจะทำแบบนี้ครับ ไม่เข้าใจเหมือนกันครับว่าเรื่องสำคัญแบบนี้ทำไมรัฐบาลไหนๆ ไม่เอาเข้าสภา แล้วแก้กฎหมายนี้ซะนอกจากจะทำให้คนกลัวกฎหมาย ไม่กล้าทำผิด เสริมสร้างวินัยจราจรแล้วยังเป็นการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับตำรวจอีกด้วย ผมว่าดีทั้งขึ้นทั้งล่องเลยครับ

Categories: