แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถยนต์ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รถยนต์ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

นิสสัน ซิลฟี Nissan Sylphy 1.8v มาดูกัน แจ่มขนาดไหน

วันนี้ก็เป็นโอกาสดี ที่ผมได้มาสัมผัส จับเจ้าน้องใหม่ล่าสุดในตระกูลนิสสัน นั่นคือ นิสสัน ซิลฟี นั่นเองครับ ได้มีโอกาสลองขับทดสอบสมรรถนะเจ้า นิสสัน ซิลฟี Nissan Sylphy 1.8v คันนี้เสียหน่อย ก็เลยอยากเอามารีวิวบอกต่อกันครับ สำหรับใครที่กำลังเล็งๆ รถรุ่นนี้อยู่ จะได้เอาไว้เป็นข้อมูลกันครับ

รีวิว นิสสัน ซิลฟี Nissan Sylphy ว่าน่าใช้แค่ไหน

นิสสัน ซิลฟี Nissan Sylphy Review รีวิว

รถยนต์ Nissan Sylphy 1.8v ตัวนี้ที่ผมได้ทดลองขับดูนั้น จะว่าไปแล้วก็เหมือนกับเป็นรุ่นพี่ใหญ่ของรุ่นนี้เลย เพราะ นิสสัน Sylphy นั้นมีสองรุ่นเครื่องยนต์นั่นคือ รุ่น 1.6 กับ 1.8 เริ่มต้นกับด้วยเรื่องของการตกแต่งภายในห้องโดยสารกันก่อนเลยครับ ซึ่ง Sylphy ตัวนี้ออกแบบมาออกแนวหรูๆ หน่อย แถมยังออกแนวกึ่งสปอร์ตเสียด้วยครับ ตามสมัยนิยมครับ เพราะสมัยนี้จะสังเกตว่ารถใหม่ๆ มักจะตกแต่งภายในออกแนวนี้กันเป็นส่วนใหญ่ โทนสีภายในเป็นทูโทน ด้านล่างออกเป็นสีเทาๆ ออกสว่างๆ ด้านบนก็เป็นเทาเข้มๆ เพื่อลดแสงสะท้อน ตัดกันด้วยลายไม้ รวมทั้งกรอบโลหะแบบอะลูมิเนียม ทำให้ดูผสมผสาน ครบทุกรส ทั้งหรูและดูสปอร์ตไปในตัว มีสวิตส์เปิด-ปิดกระจกทั้งสี่บาน อยู่ที่วางแขนด้านข้างคนขับตามมาตรฐาน และมีสวิตส์ central lock อยู่ด้านบนถัดจากสวิตส์ควบคุมกระจก

จอแจ.com Nissan Sylphy Review รีวิว

สำหรับพวงมาลัยนั้น สวยมากๆ โดนใจผมเลยทีเดียว เข้ามาในรถครั้งแรก เห็นพวงมาลัยแล้วบอกได้เลยว่าโดนครับ เป็นพวงมาลัยหุ้มหนังสีเทา พวกมาลัยเป็นแบบ Multi-function Steering Wheel วงขนาดกำลังพอดี และพวงมาลัยหนังสีเทาก็เย็บด้วยด้านสีขาว สวยมากๆ จับสบายมือสุดๆ เลยทีเดียว ถัดเข้าไป มองลอดพวกมาลัยไป ก็เป็นหน้าปัด มาตรวัดความเร็ว บอกความเร็วได้สูงสุดถึง 240 กม./ชม. และรอบวัดการทำงานของเครื่องยนต์ ตรงกลางก็เป็นมาตรวัดแบบดิจิตอลบอกค่าต่างๆ เครื่องเสียงตรงกลาง ก็ยอดเยี่ยมครับ ต่ออะไรต่อมิอะไรได้มากมาย จะไอโฟน หรือ mp3 หรือ USB ก็ว่ากันไป แอร์เป็นแบบดิจิตอล ควบคุมอัตโนมัติได้ และในรุ่นที่ผมได้ขับนี้ก็เป็นแบบ Keyless entry มีปุ่ม Push-to-Start เรียบร้อย เบาะนุ่มมาก กระชับรับต้นขา เสียอย่างเดียว ดันไม่ใช่เบาะไฟฟ้าซะงั้น วัยรุ่นเซ็งครับ เสียดายจริงๆ

Nissan Sylphy Review รีวิว

เครื่องยนต์ทำงานเงียบดีครับ เงียบมาก จนต้องขอเปิดดูหน้าตาเจ้า Nissan Sylphy นี้เสียหน่อยว่าเป็นเครื่องยนต์อะไร เปิดออกมาถึงได้รู้ว่า เป็นเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว รหัสเครื่องยนต์ MRA8DE รหัสต่อท้าย DE แบบนี้แสดงว่า ควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยคอมพิวเตอร์ สำหรับเครื่องนี้ก็อยู่ที่ 32 บิต Double Overhead Camshaft เพลาราวลิ้นคู่เหนือฝาสูบ สี่วาล์วต่อสูบ มีระบบการปรับจังหวะการเปิดปิดวาล์วอัตโนมัติ Twin C-VTC ความกว้างกระบอกสูบก็ 79.7 มม. ระยะชักก็ 90 มม. ก็เป็นเครื่องยนต์ที่มีระยะชักยาวเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว ความจุก็ 1,798 ซีซี ก็เลยเรียกกันว่าเป็นรุ่น 1,800 กำลังก็ 131 แรงม้า เมื่อเครื่องยนต์อยู่ที่ 6,000 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 174 นิวตันเมตร เมื่อเครื่องยนต์ทำงานที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงอัดในกระบอกสูบ หรือแรงอัดในห้องเผาไหม้ก็ 9.9 : 1 ซึ่งจัดว่าต่ำ แรงอัดต่ำๆ แบบนี้ใช้น้ำมันเบนซิน ออกเทน 91 สบายมาก 9.9 : 1 นี้ถือว่าต่ำ เพราะถ้าต่ำกว่า 10.5 : 1 ถือว่าสบาย

เครื่องยนต์ นิสสัน sylphy

เกียร์นี่ก็เป็นเกียร์อัตโนมัติ แบบ Xtronic CVT เป็นเกียร์ที่นิสสันเค้าภูมิใจนักหนา ว่าเป็น Xtronic CVT เนี่ยเป็นเกียร์ลูกเล็ก ให้น้ำหนักเบา อัตราการทดอย่างต่อเนื่อง เป็นเกียร์ตัวที่นิสสันตั้งใจปั้นขึ้นมาเลยทีเดียว อัตราทดเกียร์ CVT รุ่นนี้ก็ตั้งแต่ 4.006 – 0.550 อัตราทดสุดท้ายนี่มันแทบจะปล่อยเครื่องไหลไปเลยทีเดียว ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมกเฟอร์ทันสตรัชพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังก็เป็นทอร์ชั่นบีม พร้อมเหล็กกันโคลง พวงมาลัยเป็นแร็คแอนด์พีเนียม พร้อมด้วยระบบผ่อนแรงแบบ Electric Power Steering หรือ EPS นะครับ ระบบเบรกก็เป็นดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ ขนาดยางเดิมๆก็ 195/60 R16 รถทั้งคันยาว 4,615 มม. กว้าง 1,760 มม. สูง 1,495 มม. ฐานล้อก็  2,700 มม. ล้อคู่หน้า 1,545 มม. ล้อคู่หลัง 1,540 มม. น้ำหนักตัวรถทั้งคัน 1,252 กก. นี่คือข้อมูลทางเทคนิคตามตัวเลขของนิสสัน Sylphy 1.8v CVT คันนี้ที่ผมได้ทดสอบขับครับ

ภายใน รถnissan

ตั้งแต่ผมขึ้นรถมา เหยียบเบรก กดปุ่ม Start เครื่องติดแต่เงียบมาก เลื่อนเกียร์มาที่ตำแหน่ง D โดยเคลื่อนลงมาแบบตรงๆ ไม่ใช่แบบขั้นบันได ถ้าใครไม่คุ้นเผลอเลื่อนเร็วไป หรือแรงไป อาจจะเลื่อนมาถึงตำแหน่ง L ได้ง่ายๆ เพรางั้นต้องคอยดูตำแหน่งเกียร์ที่หน้าปัดด้วยนะครับ ขับออกมาตามถนน เครื่องยนต์เงียบ แอร์เย็น ช่วงล่างถูกปรับมาแบบ Comfortable คือมีความนุ่มนวลแบบ Luxury Car มากๆ ช่วงล่างออกนุ่มมากกว่าที่จะแน่น และเฟิร์ม ซึ่งจากที่ผมได้ลองขับดูสักระยะกับช่วงล่างแบบนี้ เป้าหมายของทางนิสสัน น่าจะให้รถรุ่น Sylphy นี้เป็นรถครอบครัวมากกว่าที่จะให้วัยรุ่นขับนะครับ  พวกมาลัยแร็คแอนด์พีเนียนตัวนี้ที่เป็น Electric Power Steering ถือว่าเบาครับ เหมาะกับการขับในเมืองที่ต้องเลี้ยวเปลี่ยนเลนบ่อยๆ ดีครับไม่เมื่อยกับการจราจรที่ติดขัดในเมือง แต่เวลาขับทางไกล อาจต้องทำความคุ้นเคยกันอีกนิดหน่อยถึงจะชินครับ เพราะดูจากสถาปัตยกรรมของรถแล้ว ทั้งช่วงล่างที่นิ่มนวล กับพวกมาลัยเบาแบบนี้ เค้าตั้งใจออกแบบให้มาวิ่งในเมืองมากกว่า เพื่อให้คนนั่งได้รับความสะดวกสบาย ไม่ได้ออกแบบมาให้ลุยซิ่งแบบสปอร์ตวิ่งทางไกลต่างจังหวัดแบบเร็วมากๆ เช่น 140-150 อะไรพวกนี้ เพราะพวงมาลัยจะเบาไปและอาจมีอาการร่อนได้ สำหรับระบบเบรก เชื่อใจได้เลยครับ ก็ดิสก์เบรก 4 ล้อนี่นา แต่จากที่ผมทดสอบมาก บนเส้น มอเตอร์เวย์ ขับไปที่ 130 กม./ชม. นี่ยังสบายๆ เลยครับ ความนุ่มของมัน สุดยอดครับ แม่ผมหลับสบายเลยครับนับว่าทำมาได้ดีจริงๆ ครับ

รถ Nissan Sylphy รุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่นิสสันค่อนข้างคาดหวังเอาไว้มากทีเดียว เพราะจะว่ากันไป รถรุ่นนี้ระดับนี้ นิสสันไม่ได้ทำออกมานานแล้วนะครับ ซึ่งทางนิสสันคาดว่าจะทำตัวเลขได้มากทีเดียว ซึ่งก็ท้าทายกับทางนิสสัน และแฟนๆ พันธุ์แท้ของนิสสันทุกคน ก็คงต้องมาดูครับว่า แบบนี้มันโดนกับคนในเมืองหรือไม่ รถระดับนี้ก็ใกล้เคียงกับ Nissan Suny Neo เดิม หายจากตลาดบ้านเราไปนานทีเดียว แม้ว่าจะมี Tida ออกมา แต่ก็ดูบอดี้เล็กกว่าครับ มองดูรวมๆ แล้วก็เหมือน Teana ย่อส่วนลงมา การขับขี่นั้นให้อารมณ์ได้สุดยอด คือกำลังของเครื่องยนต์นั้น คนขับรู้ได้เลยว่า มันยังเหลืออีกเพียบ รู้สึกได้เลยว่า มันยังไปได้อีกไม่มีอั้นอ่ะว่างั้น ราคารถนิสสัน ซิลฟี 899,000 บาท สำหรับวัยรุ่นก็สามารถซื้อรุ่นนี้เอาไปแต่งได้นะครับ เพราะมันเป็นรถรอแต่งอยู่แล้ว เครื่องพร้อมสุดๆ มีแต่เรื่องของพวงมาลัยกับช่วงล่างเท่านั้นที่อาจต้องปรับแต่งให้มันสปอร์ตสักหน่อยสำหรับคนชอบรถแนวสปอร์ตๆ เปลี่ยนยางให้ low profile แก้มเตี้ยอีกสักหน่อย ปรับช่วงล่างให้แข็งขึ้นอีกนิด สะใจวัยรุ่นแน่นอนครับ แต่สำหรับคนที่ใช้ทั่วไปกับคนในครอบครัว รถคันนี้จบเลยครับ

วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บรรยากาศการร้องเรียน chevrolet cruze club

จากบทความที่แล้ว เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Chevrolet Cruze จนทำให้ผู้ใช้รถยนต์รุ่นนี้ จากกลุ่ม chevrolet cruze club และ cruze thailand อดรนทนไม่ไหว ออกมารวมตัวกัน เพื่อไปร้องเรียนกับสื่อให้ช่วยเหลือ ลงข่าวความห่วยแตกของรถยนต์รุ่นนี้ โดยนัดหมายรวมตัวกันในวันอาทิตย์ที่ 9 มิ.ย. 56 ตั้งแต่ตอนสาย โดยเริ่มเดินทางไปที่แรกที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จากนั้นก็ไปตามสื่อต่างๆ และไปจบที่อาคารมาลีนนท์ ช่อง 3 ซึ่งนับว่ามีมากันมากมายทีเดียว ประมาณ 50 กว่าคันเห็นจะได้ แต่จำนวนคนขับ และผู้ใช้มีจำนวนมากกว่ารถเยอะ เพราะอีกหลายคนที่มา โดยไม่มีรถ ก็เพราะรถอยู่ในศูนย์ทำการซ่อมอยู่นั่นเอง

chevrolet cruze club
(ภาพจาก 24x7 Cruze Crazy Club)

ผมเลยเอาภาพบรรยากาศมาฝากกันครับ อยากเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางสังคมกันเสียหน่อย เพราะนี่ถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดานะครับ กับสิ่งที่เกิดขึ้น จริงอยู่ที่ว่าการร้องเรียนเกี่ยวกับรถยนต์ที่ออกมาแล้วใช้งานไม่ได้เรื่องนั้น นี่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งแรกในเมืองไทย หากจะนับไปก็มีหลายรุ่นเลยไม่ว่าจะเป็น CRV รุ่น 2 ที่เป็นกล่องๆ ออกมาเมื่อตอนปี 2003 แล้วมีปัญหาทั้งเรื่องแอร์ และเครื่องยนต์ จนเจ้าของเอารถมาจอดหน้าศูนย์แล้วทุบ และยังจุดไฟเผาอีก หรือเป็นกรณีของโตโยต้า Fortuner รุ่นแรกที่มีปัญหาในเรื่องของหม้อลมเบรก จนทางโตโยต้ามีการเรียกคืนไปปรับปรุง เปลี่ยนหม้อลมเบรกให้ ซึ่งในรุ่นหลังๆ นี้ก็มีเทคโนโลยีหม้อลมเบรกใหม่ หมดปัญหาไป แต่นั่นมันก็เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาแบบนี้อีก ในปี พ.ศ. 2556 นี้ เพราะยุคปัจจุบัน การ QC ต่างๆ ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ควรจะได้รับการพัฒนาให้มีความละเอียดรอบคอบมากกว่านี้

ภาพบรรยากาศการร้องเรียน chevrolet cruze club

chevrolet cruze pantip

ผมอยากให้มองว่า เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับพวกเราทุกๆคนนะครับ ไม่ใช่แค่เกิดกับ Cruze เพียงอย่างเดียว มันอาจเกิดได้กับรถทุกๆรุ่น นิสสัน มาร์ช ก็มีปัญหาเหมือนกันครับ ใน 2-3 ล็อตแรก เกี่ยวกับลิ้นปีกผีเสื้อ มีปัญหา คือ มีอาการรอบตกลงต่ำมาก เวลาเหยียบเบรกไว้ และเข้าเกียร์ D อยู่ ซึ่งรอบจะตกต่ำมากจนสั่น กว่าจะตัดให้รอบสูงขึ้นอีก วิธีแก้คือต้องเข้าไปเคลมปีกผีเสื้อใหม่ อาการดังกล่าวถึงจะหาย แต่การจะเคลมนั้นก็ไม่ง่าย หลายๆศูนย์ ก็มักจะบ่ายเบี่ยง โดยช่างเองจะเป็นคนปฏิเสธอการเคลม แต่จะทำการล้างลิ้นปีกผีเสื้อให้ก่อน ต้องไปทำกันหลายครั้งเลยกว่าจะได้เคลม ซึ่งไม่แฟร์ต่อลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริโภคเลย

ที่ผมกำลังจะบอกคือ เราต้องใส่ใจ และสนใจกับ สิทธิ ผู้บริโภคของเรานะครับ บริษัทรถ ซึ่งเป็นผู้ผลิตมีอยู่หลายเจ้า และกำลังแข่งขันแย่งตลาดกันอยู่ พวกเราในฐานะผู้บริโภคทั้งหลาย เป็นเป้าหมายทางการตลาดของพวกเค้า พวกเราสามารถอยู่ได้ โดยไม่ต้องซื้อของจากพวกเค้า แต่พวกเค้าจะอยู่ไม่ได้ ถ้าขายของให้กับพวกเราไม่ได้ และนี่คือ ที่มาของ Customer first หรือ ลูกค้าคือพระเจ้านั่นเอง ซึ่งตามหลักแล้วมันควรจะเป็นเช่นนั้น ในต่างประเทศเค้าเป็นเช่นนั้นกันแล้ว แต่ในประเทศไทยของเรานั้นไม่ใช่
ในประเทศไทยเรานั้น กลุ่มนายทุนคือพระเจ้า เพราะนโยบายเศรษฐกิจของประเทศไทยเราคือ ต้องการให้มีกลุ่มนายทุนมาลงทุนเยอะๆ ชาติเราจะได้เจริญ ซึ่งอันที่จริงแล้วนั้น ผิด ครับ ทำให้ประชาชนตาดำๆ ทั่วไปอย่างพวกเรา ต้องมาเสียเปรียบในเรื่องของคุณภาพสินค้าแบบนี้ มีกี่เรื่องกันครับ ที่ประชาชน ในฐานะผู้บริโภค เรียกร้องสิทธิ์ในเรื่องของคุณภาพของสินค้าแล้วชนะ ไม่มีครับ ผมไม่เคยได้ยินเลย ในเรื่องที่หลายคนได้เห็นข่าวเกี่ยวกับรถรุ่นนั้น รุ่นนี้ ประกาศเรียกคืน เพื่อไปแก้ไขปัญหาตรงนั้น ตรงนี้นั้น ผมบอกได้เลยว่า ต้นเหตุของการเรียกร้องจากผู้บริโภคนั้น ไม่ได้มาจากเมืองไทย นั่นคือ ลูกค้าในต่างประเทศเค้าร้องเรียนมา ซึ่งมันแย่จริง ทางผู้ผลิตเค้าเลยต้องรับผิดชอบโดยการประกาศเรียกคืน แต่จะเรียกคือเพียงบางประเทศก็ไม่ได้ เลยต้องเรียกคืนทั้งหมด นั่นคือพวกเราคนไทย เป็นแค่ผู้ที่ได้รับผลพลอยได้เท่านั้น เพราะอะไรเหรอครับ?

cruze thailand

เพราะ สคบ. หรือ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ของไทยเรา ไม่เอาจริงเอาจังครับ หลายเรื่องที่ทาง สคบ. ประกาศบังคับใช้ แต่ไม่เคยเห็นว่าจะได้ผลเลย ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรมเลย อันที่จริง หน้าที่ของ สคบ. คือต้องสอดส่อง จ้องจะจับผิดพวกผู้ผลิตสินค้าทุกชนิดที่มันกระทำความผิดเอาเปรียบผู้บริโภค ซึ่งในยุคปัจจุบัน อินเตอร์เนตนั้นเข้าถึงกันหมดทุกเรื่องแล้ว สินค้าประเภทรถยนต์ทุกยี่ห้อ ทุกรุ่น เค้ามีเวบบอร์ด หรือคลับไว้พูดคุยกันแล้ว หากเพียงแค่ท่านได้ชายตาเข้าไปดูบ้าง ก็จะเห็นเรื่องที่ร้องเรียน ปัญหาที่มีกันมานาน ปัญหาที่มีผู้คนจำนวนมากที่ใช้สินค้า หรือบริการชนิดนั้น ได้รับความเดือดร้อน ไม่เป็นธรรมจากการใช้งานผลิตภัณฑ์นั้นๆ หรือบริการนั้นๆ ทาง สคบ. ต้องรีบเข้าไปดำเนินการครับ จริงอยู่ว่าต้องรอให้คนมาร้องเรียน แต่ในความเป็นจริง ต้องยอมรับกันนะครับ ว่าเรารู้ๆกันอยู่ว่า ร้องเรียน สคบ. ไปก็เท่านั้น ดังนั้น อย่างที่ทุกคนเห็นข่าว พวกผู้ใช้รถ Chevrolet Cruze จาก chevrolet cruze club และ cruze thailand  จึงรวมตัวกันไปร้องเรียนที่สื่อแทน จากนั้นก็เชื่อเถอะครับ ว่า สคบ. ค่อยโผล่หน้า โผล่ตาออกมาช่วยเหลือนิดหน่อย ตามหน้าที่ นี่แหละครับ Thailand’s Only อีกเช่นกัน

ผมอยากจะขอชื่นชม ชาว Cruze ที่รวมกลุ่มกันมาในครั้งนี้ครับ พวกท่านคือ ผู้บริโภคที่รักษาสิทธิ์ของท่านจริงๆ และผมเอง ก็เห็นด้วยกับที่ท่านร้องเรียนทุกประการ รถคันละเป็นล้าน แต่คุณภาพห่วยกว่ารถคันละ 4-5 แสนอีก ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้แค่มีการเรียกคืน ไปเคลมเกียร์เท่านั้นนะครับ แต่อยากให้ขายคืนบริษัทไปเลยครับ แล้วพวกท่านจะได้มีโอกาสซื้อรถใหม่ที่ดีกว่า และราคาต้องสูงด้วยนะครับ เพราะที่ขายคืน เพราะมันใช้งานไม่ได้ คุณภาพแย่ จะมาฝากชีวิตอยู่กับคุณภาพแย่ๆ ของระบบเกียร์ที่จะรวนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้นี่ได้ยังไง ถ้าเป็นที่อเมริกาล่ะก็ ขายคืนอย่างเดียวครับ ได้ราคาเต็มอีกด้วย เพราะเค้าคำนึงถึงชีวิตของผู้บริโภคมากกว่า เรื่องเงินลงทุกที่ได้จากพวกนายทุนครับ หรือว่า สคบ. ต้องเห็นคนประสบอุบัติเหตุ “ตาย” จากปัญหาเกียร์ของ Cruze มาเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุนั้นเสียก่อนครับ ถึงจะเริ่มลงดาบกับผู้ผลิตแย่ๆ แบบนี้

chevrolet cruze ราคา เป็นล้านแต่ เกียร์พัง ใครรับผิดชอบ?

หลังจากที่เป็นกระแสกันมาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่เลื่องลือกันมานาน ในโลกออนไลน์ จากปัญหา “เกียร์พัง ของ Chevrolet Cruze ทั้งในรุ่นปี 2011 และ 2012 รถซีดานตัวท็อป สุดหรู ของทาง Chevrolet จาก GM motor ค่ายรถยักษ์ใหญ่สายพันธุ์อเมริกัน จากที่มีผู้ใช้รถ Cruze จำนวนมากเกิดปัญหาเกียร์พัง จนนำมาเปิดเผยกันในคลับ ต่อเนื่องกันไปจนเกิดกระแสพูดคุยกันในเวบพันทิพ (search หาได้โดยพิมพ์ chevrolet cruze pantip ) ปัญหารถ เกียร์พัง นั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เรื่องการบริการ ซ่อมแซม การดูแลลูกค้า และการเคลม รวมทั้งการแก้ปัญหา คือสิ่งที่ GM ยังขาดอยู่อย่างมากทีเดียว จนทำให้เกิดการ “ทนไม่ไหว” ของชาวผู้ใช้ Cruze ในที่สุด

chevrolet cruze ราคา เป็นล้าน

จนกระทั่งวันนี้ วันที่ 9 มิ.ย. 56 ชาวกลุ่มผู้ใช้รถ Chevrolet Cruze นำโดยชาว cruze club ที่รถยังพอขับได้ ขับมารวมตัวกันที่หน้าสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จากนั้นจะเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อต่างๆ ได้แก่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ,  ททบ 5, และ อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ ช่อง3 ซึ่งมีความต้องการประกาศให้ทั้งคนไทย และทั่วโลกได้รับรู้ถึงความห่วย ของคุณภาพของรถ Chevrolet Cruze ตัวนี้ ใครที่เล็งๆ และอยากได้อยู่ก็ขอให้เปลี่ยนใจเสียนะครับ และใครที่วางเงินจองไปแล้วก็ไปขอเงินจองคืนได้เลยครับ อย่าซื้อมาให้เป็นปัญหาดีกว่า นอกจากนี้ รถในตระกูล Chevrolet คันอื่นๆ ก็ควรจะคิดดูใหม่ให้ดีๆนะครับ ยกเลิกการจองได้ก็ยกเลิกไปเลยครับ

chevrolet cruze ราคา เป็นล้านแต่ เกียร์พัง ห่วยอ่ะ

ปัญหาที่เกิดขึ้นมานั้น ที่ว่า เกียร์พัง นั่นคือ อาการ เกียร์ออโต้เสีย และ รวน นั่นเอง โดยที่บ้านผมเองก็มีคันนึงครับ ตั้งแต่ซื้อมาใหม่ๆ แล้วขับดู ผมก็เห็นแล้วว่ามันแปลกๆ แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก นั่นคืออาการเกียร์กระตุก ปกติแล้วเวลาที่เกียร์ออโต้มันเปลี่ยนเกียร์เนี่ย มันต้องไม่กระตุกนะครับยิ่งเกียร์ออโต้ใหม่ๆแล้ว ไม่ควรจะมีอาการกระตุกให้เห็นเลย แต่สำหรับ Chevrolet Cruze ตัวนี้กลับมีการกระตุก “รถราคาเป็นล้าน ทำได้แค่นี้เหรอครับ” นั่นคือความคิดแรกที่ผมคิดมา แม้ว่ามันจะไม่ใช่เกียร์ CVT มันก็ไม่ควรจะห่วยแบบนี้ จนมาดูในเวบบอร์ดของชาว cruze club ถึงได้รู้ว่า นี่มันคืออาการเริ่มต้นของเกียร์พัง ซึ่งจะมีอาการอีกหลายอย่างตามมา ก่อนที่มันจะพังอย่างสมบูรณ์ เช่น เกียร์เปลี่ยนลงมาเอง เช่นขับด้วยความเร็วสูงๆ อยู่ดี เกียร์ก็เปลี่ยนลงมาเกียร์ต่ำเอง ต่ำให้รถความเร็วร่วงลงอย่างกะทันหัน รอบเครื่องขึ้นสูงมากทันที หรืออาการเร่งเครื่องแล้ว ไปแต่รอบ ความเร็วไม่ไป เหมือนอาการลากเกียร์ หรือ เกียร์อาจทำงานไปได้แค่เกียร์ 1 หรือ เกียร์ 2 เท่านั้น หลังจากนั้น รอบขึ้นไปได้ถึง 4,000-5,000 รอบ แต่ความเร็วได้แค่ 40 กม./ชม. เท่านั้น จนกระทั่งอาการหนักสุดคือ เข้าเกียร์เดินหน้าแล้วรถไม่ออกตัวเลย ไม่วิ่งแล้วว่างั้น เครื่องยนต์ทำงาน แต่สรุปว่า “เกียร์พัง” และนี่คือสาเหตุที่ชาว cruze club ทนกันไม่ไหว เพราะ

chevrolet cruze pantip

1. รถราคาคันละเป็นล้านบาท แต่มีคุณภาพห่วยแบบนี้งั้นเหรอ? นี่คือความไม่พอใจที่สุดที่ลูกค้า Chevrolet Cruze มีครับ เพราะรถคันละเป็นล้าน แต่เกียร์พังเนี่ย มันทุเรศครับ มันผ่านการ QC และ การ Test รถมาได้อย่างไร เพราะเริ่มกันตั้งแต่การดีไซน์รถ จากนั้นก็เป็นการออกแบบ ต่อมาก็เป็นการสร้างรถต้นแบบ จากนั้นก็เป็นการทดสอบสมรรถนะ และสุดท้ายเป็นการทดสอบการขับขี่และปัญหาในระยะยาวซึ่งต้องมีการทดสอบการใช้งานอย่างน้อย 20,000 กม. ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นก็ไม่ผ่าน QC แล้วผลิตออกมาขายไม่ได้หรอกครับ แสดงว่า เรากำลังโดนทาง Chevrolet หลอกขายรถห่วย ในราคาแพงเข้าให้เสียแล้ว อันนี้เป็นเรื่องที่ลูกค้า Chevrolet Cruze ยอมไม่ได้แน่นอนครับ GM ต้องรับผิดชอบครับ ถ้านี่เป็นประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ประเทศไทยแล้วล่ะก็ ลูกค้าสามารถขายรถคืน ได้เลยนะครับ แต่กฎหมายเมืองไทย อ่อนมากครับ ดังนั้นผู้บริโภคเลยต้องเสียเปรียบผู้ผลิตที่เป็นนายทุนใหญ่เสมอๆ

2. ความนิ่งนอนใจ ไม่ Recall ของผู้ผลิต อาการเกียร์พัง ของ Chevrolet Cruze นี้เกิดมาตั้งแต่ในรุ่น 2011 จนมากระทั่งในรุ่น 2012 และ cruze 2013 ก็ยังมีอาการพังอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง การร้องเรียนโดยตรงกับทางบริษัทผู้ผลิต และการเปิดเผยข้อมูลในหน้าเวบบอร์ดของคลับต่างๆ ก็มีจำนวนมาก ทั้งในเวบบอร์ดพันทิพ ก็มีเรื่องนี้รวมอยู่มากมายทีเดียว แต่ทางบริษัทผู้ผลิต หรือ Chevrolet ประเทศไทย กลับยังนิ่งเฉย ไม่พยามค้นหาสาเหตุ แก้ไขปัญหา และไม่ทำการประกาศ “เรียกคืน” หรือ Recall รถ Chevrolet Cruze เข้ามาทำการเคลมเกียร์ใหม่ให้เรียบร้อยเสียที นี่เป็นเรื่องที่แย่มากๆ เพราะเป็นการทำให้คนไทยรู้ว่า บริษัทสายพันธุ์อเมริกัน ที่เค้าว่ามีมาตรฐานการผลิตแบบอเมริกันนั้น สรุปว่า เชื่อถือไม่ได้กับมาตรฐานของเค้า และนอกจากนี้ยังไม่มีความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคอีกด้วย

3. การซ่อมบำรุงที่ไม่ตรงจุด หาสาเหตุไม่เจอ และไม่เคลมให้ มีคนไม่น้อยที่เอารถเข้าไปที่ศูนย์เกินกว่า 10 ครั้ง เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเกียร์พังนี้ แม้ว่าจะเคลมอะไหล่ไปจำนวนมากแล้วก็ตาม หรือ เคลมเกียร์ใหม่มาแล้วก็ตาม ก็ยังมีปัญหาอยู่เหมือนเดิม พังอีกอยู่ดี เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการผลิตที่ไม่ดี แต่เกิดจากระบบเกียร์ที่มีปัญหา จะเปลี่ยนใหม่อีกกี่ตัว มันก็มีปัญหาเหมือนเดิม ทางผู้ผลิตเองต่างหากที่ต้องทำการหาสาเหตุและผลิตเกียร์ระบบใหม่ออกมาให้เคลมกัน แต่ไม่ทุกศูนย์หรอกนะครับที่จะดูแลแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า ศูนย์ Chevrolet ในเมืองไทยเนี่ย ถือว่ามาตรฐานต่ำกว่าศูนย์ โตโยต้า หรือ ฮอนด้าเยอะนะครับ หลายศูนย์ที่พูดจาไม่ดีกับลูกค้า หลายศูนย์ที่ไม่สนใจรถลูกค้าที่มีปัญหา ลองไปดูก็ได้ครับ ทุกคลับที่ใช้รถ Chevrolet มีศูนย์ที่มี feedback แย่ๆ อยู่เยอะมากๆ เลยทีเดียว ลูกค้าซื้อรถไปคันละเป็นล้าน เมื่อมีปัญหา แทนที่ทางศูนย์จะดูแลอย่างดี เพื่อแสดงความรับผิดชอบ กลับละเลย พูดจาไม่ดี และไม่ใส่ใจกับปัญหาที่ลูกค้าได้รับ เดาปัญหาไปเรื่อย ช่างมาตรฐานต่ำมากๆครับ ผมบอกได้เลย เพราะผมเคยเอาไปเข้ามาแล้วหลายศูนย์ ช่างความรู้น้อยกว่าผมอีกในเรื่องระบบขับเคลื่อนของรถ

cruze club

4. ความหวาดระแวงของผู้ใช้ อันนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดที่คนที่ใช้รถ Chevrolet Cruze ทุกคนทนไม่ไหว เพราะต้องมาคอยระแวงว่า เกียร์รถเราจะพังไปเหมือนคันอื่นๆ เค้าเมื่อไหร่ ถ้าขับๆอยู่แล้วมันพังล่ะจะทำยังไง ต้องมารถเสียกลางทางล่ะจะทำยังไง จนต้องได้แต่จอดเอาไว้ที่บ้าน ไม่กล้าใช้ จะเอาไปเคลมเกียร์ อาการมันก็ยังไม่ออกเท่าไหร่ ทาง GM หรือ ผู้ผลิต Chevrolet ประเทศไทย มันก็ไม่เห็นจะเรียกคืนไปเคลมเกียร์เลย ทั้งๆที่คนเค้ามีปัญหากันเยอะแยะมากมาย ที่สำคัญที่สุด มันอันตรายมากๆ กับทั้งตัวของผู้ขับรถ Chevrolet Cruze เอง และ ผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นๆอีกนะครับ เช่นถ้าคุณขับ Chevrolet Cruze อยู่บนถนนด้วยความเร็ว 120 กม.ชม. อยู่ดีๆ แล้วอยู่ๆ เกียร์พัง หรือเกียร์มันรวน เปลี่ยนเกียร์ลงมาที่เกียร์ 1 ความเร็วของรถก็ร่วงลงอย่างกะทันหัน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากมีรถที่ตามหลังมาแล้วเค้าต้องมาเบรกกะทันหัน ถ้าทันก็ดีไป ถ้าไม่ทันก็ชนเข้าท้ายรถคุณเต็มๆ แล้วจะโทษว่าเป็นความผิดของใครดีครับ คุณขับไม่ดี หรือรถไม่ดีครับ ถ้าคุณโทษว่ารถไม่ดี อันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เลยนะครับ เพราะคุณต้องหาหลักฐานมายืนยันว่า ที่รถคุณหยุด หรือ เบรกชะงักกระทันหันเนี่ย เกิดมาจากเกียร์รถ Chevrolet Cruze ซึ่งยากครับ ที่จะหาหลักฐานมายืนยัน ยิ่งบริษัทผู้ผลิตมีนิสัยสันดานแบบนี้ด้วยนะครับยิ่งต้องระวังให้มากๆ นี่คือส่วนน้อยของความเครียด และความหวาดระแวงของผู้ใช้ Chevrolet Cruze นี้นะครับ

นี่คือความไม่ได้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับ Chevrolet Cruze หากใครกำลังมองรถรุ่นนี้อยู่ และตั้งใจว่าจะซื้อ ขอให้คิดดูใหม่ และเปลี่ยนใจเถอะครับ จากปัญหาที่ทางกลุ่มผู้ใช้รถ Cruze เข้าประสบพบเจอมา ผมว่าคุณไม่ควรจะเอาตัวเองไปเจอกับปัญหาโดยที่ไม่จำเป็นนะครับ ยังมีรถยี่ห้ออื่น รุ่นอื่นที่ราคาพอๆกัน แต่ดีกว่านี้อีกเยอะนะครับ ไม่ว่าจะเป็น Accord, Camry หรือ Teana ลองดูรถญี่ปุ่นพวกนี้ดีกว่าครับ

วันเสาร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2556

จะซื้อ รถใหม่ สักคัน ต้อง..???

มันเป็นคำถามที่ฟังแล้ว เหมือนเป็นคำถามโง่ๆ ที่ไม่น่าถามนะครับ กับคำถามที่ว่า จะซื้อ รถใหม่ สักคัน ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง ? เพราะเมื่อตัดสินใจจะซื้อรถแล้ว ก็แปลว่ามันต้องมีเหตุจำเป็นจริงๆที่ต้องใช้รถ แล้วจะมาคำนึงอะไร ไปทำไมกัน ก็แค่ซื้อที่จำเป็นต้องใช้ แค่นั้นก็จบ ไม่เห็นต้องมานั่งตั้งเรื่องให้เป็นประเด็นเลย

โตโยต้าวีออส

สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจะซื้อ รถใหม่ !!

อันที่จริงแล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นครับ การจะซื้อ รถใหม่ สักคันหนึ่ง จำเป็นต้องคำนึงถึงอะไรหลายอย่างทีเดียว เพราะรถหนึ่งคัน ราคาไม่ถูกนะครับ ราคารถใหม่ เนี่ยไม่ใช่ว่าซื้อมา ใช้ไปสัก 2-3 เดือน ไม่ชอบใจ เอาไปเทิร์นซื้อคันใหม่แบบที่อยากได้ดีกว่า มันไม่ง่ายขนาดนั้นนะครับ ที่สำคัญไปกว่านั้น ในปัจจุบัน มียี่ห้อ และรุ่นของรถให้เลือกมากมาย หลายแบบมากๆ พูดง่ายๆว่า ตัวเลือกมันเยอะขึ้น ราคาก็แพง ดังนั้นการจะตัดสินใจซื้อ รถใหม่ สักคันมันก็ต้องมีการคิดคำนึงถึงอะไรหลายๆอย่างกันบ้างนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า กับสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง

1. ความจำเป็น อันนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถามตัวเองก่อนครับว่าจำเป็นต้องมีรถมั้ย ใครๆก็อยากมีรถกันทั้งนั้นแหละครับ มีใครบ้างอยากขึ้นรถเมล์ตลอดไป แต่มันก็อยู่ที่หลายๆอย่าง เช่นหน้าที่การงานของคุณ เช่นถ้าคุณทำงานออฟฟิศ แถวสีลม แต่บ้านอยู่แถวเมเจอร์รัชโยธิน ทุกวันนี้เดินทางได้สะดวกที่สุดด้วยการนั่งรถตู้ไปต่อรถไฟฟ้า คุณก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรถมาให้เป็นภาระก็ได้ครับ เพราะซื้อมา ก็ต้องมาจอดเอาไว้ ไม่ได้ใช้งานมัน หรือคุณจะคิดขับมันไปจอดที่ลานจอดรถของรถไฟฟ้าหมอชิต รถใหม่ป้ายแดงเนี่ยนะครับ ผมว่าถ้าเป็นรถเก่าๆ มือสองอันนี้ดูจะเหมาะกับตรงนี้มากกว่านะครับ เพราะที่นั่นเป็นลานจอดรถกลางแจ้ง แดงร้อนเปรี้ยงๆ แถมยังเข็นรถเลื่อนชนกันแบบไม่สนใจใครอีก รถคนที่ไปจอดที่นั่นบุบ สีถลอกกันมาเยอะแล้ว ถามตัวเองก่อนนะครับ ว่า คุณ จำเป็นต้อง ใช้ รถ จริงๆหรือเปล่า

รถใหม่

2. งบประมาณ เมื่อถามตัวเองแล้ว และตอบตัวเองได้แล้วว่า มีความจำเป็น ที่ต้องใช้รถจริงๆ สิ่งที่ต้องคำนึงต่อมาก็คือ งบประมาณ ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องใหญ่นะครับ ราคารถใหม่ ไม่ใช่ถูกๆ เอาเรื่องงบประมาณ มาก่อนความชอบส่วนตัวนะครับ เพราะงบประมาณจะเป็นตัวกำหนด ยี่ห้อ และรุ่น ของรถที่คุณจะสามารถซื้อได้ รถคันนึง ไม่ใช่ว่าแค่ซื้อมาได้ก็จบนะครับ มันมีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง อันดับแรกก็ค่าน้ำมัน คุณต้องแน่ใจว่ามีเงินพอเติมน้ำมันใช้งานมันได้ จ่ายค่าน้ำมันไหว แบกรับภาระตรงนี้ไหว อันดับต่อไปก็ค่าดูแลรักษา ซึ่งรถใหม่ป้ายแดงส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายในการดูแลน้อย มีแค่การบำรุงรักษา เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง อะไรพวกนี้เท่านั้น ต่อมาก็เป็นค่าประกันภัย แน่นอนว่าต้องเป็นชั้น 1 แน่นอน สำหรับรถป้ายแดง และต่อมาสำหรับรถมือสอง ค่าซ่อมครับ เตรียมเงินไว้ก้อนหนึ่งสำหรับซ่อมแซมหรือเปลี่ยนอะไหล่ไว้ได้เลย

isuzu d-max

3. ประเภทของรถ ผมให้คำนึงถึงข้อนี้หลังจากที่คิดถึงเรื่องงบประมาณแล้ว เพราะหากคุณมีงบประมาณไม่มาก แต่อยากได้รถ SUV มาใช้งาน อันนี้ก็เรียกว่าเกินตัวครับ ถ้าคุณมีงบน้อย ไม่อยากแบกภาระน้ำมันเยอะ ก็ต้อง รถอีโคคาร์ พวก นิสสัน มาร์ช หรือไม่ก็ Almera หรือ ถ้าต้องเดินทางออกต่างจังหวัด วิ่งทางไกลบ่อยมากๆ อันนี้ก็ควรจะเป็นรถซีดานขนาดใหญ่ หรือรถกระบะไปเลยดีที่สุด แต่ถ้ามีงบเยอะหน่อยก็อาจจะเล่นรถอเนกประสงค์พวก SUV ไปได้เลย อันนี้ก็สำหรับคนที่มีงบมากๆอยู่นะครับ

4. การดูแลรักษา อันนี้ก็จำเป็นต้องคิดก่อนนะครับ ไม่ใช่ต้องรอให้ซื้อมาก่อนแล้วค่อยมาตระเตรียม หรือนั่งคิด เช่น ที่จอดรถมีมั้ย ถ้าไม่มีแล้วจะไปจอดที่ไหน ต้องไปเช่าที่จอดรถหรือเปล่า แล้วต้องซื้ออะไรมาติดเอาไว้เพื่อป้องกันการโจรกรรม สิ่งเหล่านี้ต้องคิดและเตรียมเอาไว้ก่อนนะครับ แต่หลายคนก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ คิดแต่อยากจะได้ อยากได้รถไวๆ พอได้มา แล้วจะไปจอดไหน บ้านอยู่ในซอย แต่ต้องมาจอดหน้าซอย ใช่ครับ จอดได้ แต่อันตรายนะครับ สมัยนี้ ก็มีให้เห็นหลายกรณี เช่น คลิปที่มีคนมาถอดขโมยล้อรถ โตโยต้า ยาริส ไปเฉยเลย ทั้งๆที่จอดริมถนนใหญ่ มีรถวิ่งตลอด ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น ดังนั้น เรื่องการดูแลและการเก็บรักษารถที่เราซื้อมานั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องคำนึง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถนะครับ

toyota fortuner

5. ศึกษาหาข้อมูล เกี่ยวกับรถรุ่นที่ต้องการ อันนี้ผมให้มาอยู่เป็นข้อสุดท้าย เพราะเป็นการหาข้อมูลก่อนที่จะทำการตกลงปลงใจ ไปจ่ายเงินจองกับเซลเพื่อซื้อรถ เพราะเมื่อคุณจองไปแล้ว ส่วนใหญ่ คุณสามารถยกเลิกการจองได้ แต่จะไม่ได้เงินค่าจองคืนนะครับ ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 5 พันบาท ดังนั้น ศึกษาดูให้ดีก่อน ดูข้อมูลในอินเตอร์เนตก่อน เกี่ยวกับรถแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่น ตามเวบบอร์ดของคลับรถต่างๆ ดู ตลาดรถ ก่อนว่าตอนนี้ตัวไหนดีที่สุด ที่สำคัญ “จงฟังหู ไว้หู” คืออ่านอะไรมาก็อย่าเชื่อทั้งหมด เพราะคนที่มาตอบบางคนก็ไม่ได้รู้ดีในเรื่องนั้นจริงๆ จากนั้นเมื่อมีข้อมูลของรถรุ่นที่สนใจแล้ว ก็เดินเข้าไปดูที่ showroom หรือ ลองเข้าไปนั่ง เข้าไปสัมผัสกับรถตัวที่เราอยากได้ก่อนเลยนะครับ หรือหลายๆ รุ่น หลายๆ ยี่ห้อก็ดี ลองนั่งดู ลองดูว่าชอบหรือไม่ จากนั้น เมื่อได้รุ่นที่เราตั้งใจว่าจะเอาแต่แล้ว ไปติดต่อที่ศูนย์บริการรถยี่ห้อนั่นๆ แล้วขอ Test Drive เลยครับ อย่าซื้อโดยไม่ทำการ ทดสอบขับ นะครับ เพราะคนส่วนใหญ่สมัยนี้แค่ไปลองนั่งๆ ที่งานมอเตอร์โชว์ ก็ตัดสินใจจองแล้ว ต้องลองขับก่อนนะครับ เพราะเรื่องของช่วงล่าง ระบบเบรก การเก็บเสียงห้องโดยสาร วิสัยทัศน์การมอง การเข้าโค้ง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ตัวหนังสือในหน้าเวบบอร์ดในอินเตอร์เนต หรือ ในโบรชัว หรือคำบอกเล่าของเซล หรือคนอื่น มันไม่ทำให้คุณเข้าใจหรอกนะครับ มันต้องลองสัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ

ที่ผมสรุปสิ่งที่เราต้องคำนึง ก่อนจะซื้อ รถใหม่ สักคันนั้น ก็เพื่อต้องการให้ทุกท่าน ได้หยุดความอยากได้ และมานั่งทบทวนกันสักนิด ใช้ความคิดสักหน่อย เพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงกับความต้องการของตัวเองได้มากที่สุด ตอบโจทย์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ หรือ ดีที่สุด เหมาะที่สุดกับตัวเองแล้ว หลังจากที่คุณอ่านบทความนี้จบแล้ว คุณอาจจะเปลี่ยนใจ เลือกรถอีกรุ่นหนึ่งที่แตก ต่างจากที่คุณเคยมอง และตั้งใจจะซื้อเอาไว้ในตอนแรกก่อนจะมาอ่านบทความนี้ก็ได้นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ฟันธง ! nissan almera หรือ march เลือกอันไหนดี

ขอพักจาก การวิพากษ์วิจารณ์การขับขี่บนถนน และเรื่องเครียดๆ ของการจราจร มาพูดคุยกันในเรื่องนี้สักหน่อย ในยุคนี้ พ.ศ. นี้ ต้องบอกว่า Eco Car กำลังเป็นที่นิยมกันมาก ผู้ผลิตรถยี่ห้อดังๆ ที่เรารู้จักกัน ผลิตรถ อีโค คาร์ มาแข่งขันกันในตลาดล่างกันน่าดูเลยทีเดียว ด้วยราคาที่ใกล้เคียงกัน ขนาดรถ ที่ใกล้เคียงกัน เป็นเรื่องยากทีเดียวที่จะเลือกว่าจะเอายี่ห้อไหนดี แต่อย่างไรก็ตามการต้องเลือกว่าจะเอายี่ห้อไหนดีนั้น ยังง่ายกว่า การที่ต้องมาเลือกว่า จะเอารุ่นไหนดี ในที่นี้ผมจะพูดถึงคำถามยอดฮิตกันเลยทีเดียว นั่นคือ ระหว่าง  nissan almera หรือ march เลือกอันไหนดี ล่ะ???

nissan almera

ด้วยความที่ นิสสัน ดันเป็นผู้ผลิตรายเดียวที่ดันออกรถ Eco Car มาสองรุ่น สองแบบ ที่มีสมรรถนะเหมือนกันเลย ต่างกันที่เป็นแบบคันเล็ก 5 ประตู hatchback กับแบบคันใหญ่ ซีดาน เครื่องยนต์ก็เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกัน การตกแต่งภายในก็เหมือนกัน วัสดุก็เป็นแบบเดียวกัน ทีนี้ เลยเป็นเรื่องยากของผู้ที่ต้องการจะซื้อว่า แล้วจะซื้อตัวไหนดีล่ะ ระหว่าง nissan almera หรือ march เลือกอันไหนดีกันล่ะทีนี้ เลือกอย่างเหมือนกันนะครับ รักพี่ เสียดายน้อง สวยและมีดีกันคนละแบบ อีกคันก็เล็กสะดวกสบาย แต่งสวย อีกคันก็ใหญ่ นั่งกันสบาย มีที่เก็บของข้างหลังเยอะ แต่งก็สวยอีกนั่นแหละ เลือกยากมากๆ

เปรียบเทียบ  nissan almera และ นิสสัน march

nissan march

จากที่ผมเอง มีทั้ง nissan march และ nissan almera ไว้ในครอบครองทั้ง 2 คัน โดย นิสสัน มาร์ช ที่ผมมีนั้นเป็น new March นะครับ ที่เพิ่งออกมาปี 2013 เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง ผมก็เลยอยากจะเอาประสบการณ์ที่ผมมี มาแชร์กันให้เห็นๆไปเลยดีกว่าครับ ชัดเจนที่สุด จบที่บทความนี้เลย ไม่ต้องไปหาอ่านอีกทั้งในเวบบอร์ดของ March club และ เวบบอร์ดของ Almera club มาว่ากันเลยดีกว่านะครับ
  • นิสสัน มาร์ช มีขนาดกะทัดรัด เข้าจอดรถง่าย เนื่องจากมีขนาดความยาวที่สั้นกว่า Almera 
  • ช่วงล่างทั้ง March และ Almera ไม่ต่างกันเลย ไม่ถึงกับเป็นเกรดเอ แต่ก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย แต่ถ้าเทียบกับ Vios แล้วล่ะก็ ช่วงล่างของ Vios ยังดีกว่า แต่ถ้าเทียบกับ new City แล้ว March กับ Almera ดีกว่าครับ
  • Almera ติดแก็ส LPG ได้จุกว่า คือใส่ถังได้ใหญ่กว่าเยอะ ใส่ถังแคปซูลแล้วยังเก็บยางอะไหล่ได้ด้วย แต่ March ทำติดได้แต่ถังโดนัท แถมเก็บยางอะไหล่ไม่ได้ ต้องวางไว้ก็ลำบากอีก
  • เครื่องยนต์และการประหยัดของทั้ง March และ Almera เท่ากัน ความประหยัด มันก็ประหยัดตามมาตรฐานอยู่แล้ว และประหยัดกว่าเครื่อง 1,500 cc ทั่วไปอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็อยู่ที่ “เท้า” ใคร เท้ามัน ล่ะครับ เหยียบมากก็กินมาก
ทีนี้ผมจะมาพูดถึงปัจจัยที่เราจะมาคำนึงกันแบบช็อตต่อช็อตกันเลยดีกว่า จะได้ตรงใจกันไปเลย
  • หากการใช้งานของคุณเป็นแบบในเมืองใหญ่เช่น กรุงเทพ ที่รถติดมาก ไปห้างบ่อย เข้าซอยเล็ก เช่าอพาร์ทเมน พักในคอนโด บ้านไม่มีที่จอดรถ หรือที่จอดรถน้อย แนะนำว่า March เหมาะสุดกับคุณครับ
  • หากการใช้งานของคุณต้องมีการบรรทุกคนบ่อยๆ และหลายคน เช่น ไปกันทั้งครอบครัว ไปเที่ยวต่างจังหวัด พักหลายคืน นั่งกันอย่างน้อย 5-6 คน เบียดกันบ้างก็ไม่เป็นไร แนะนำเลยว่า Almera คือคำตอบของคุณครับ
  • หากการใช้งานของคุณต้องการเอาไปติดแก๊ส ให้มันประหยัดสุดๆ แล้วก็ไม่ต้อง “เติมแก๊สบ่อยๆ” แนะนำว่า Almera ก็คือคำตอบของคุณอีกเช่นกันครับ
ผมสรุปให้ 3 แบบเท่านั้นพอนะครับ คิดว่าครอบคลุมพอให้ตัดสินใจเลือกได้แล้วว่าจะเอารุ่นไหน เพราะว่าความแตกต่างของทั้ง nissan almera และ nissan march นั้นเป็นเรื่องของ รูปทรง และโครงสร้างของรถเท่านั้น เรื่องของเครื่องยนต์ และวัสดุ รวมทั้ง ดีไซน์ภายในนั้น เหมือนกันหมด ดังนั้นต้องมองเรื่องของการใช้งานในชีวิต และ Life Style ของคุณเป็นหลักสำคัญครับ จะได้ตรงใจกับคุณมากที่สุด หรือไม่ก็เลือกเอาตามแบบที่คุณชอบ เช่นบางคนชอบกับทรงของ March อยู่แล้ว ยังไงก็เลือก มาร์ช แน่นอนอันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ

แถมไว้นิดนึงเพื่อการตัดสินใจ ของผู้ที่สนใจ Eco Car ทุกคน เปรียบเทียบ Eco Car หลายยี่ห้อที่ออกมาตอนนี้ รวมทั้ง ราคารถนิสสัน ทั้งสองรุ่นที่ผมกล่าวมาด้วย โดยรุ่นที่เอามาเปรียบเทียบนี้คือ รุ่นท็อป เลยนะครับ

ราคารถนิสสัน

สุดท้ายอยากจะขอฝากนิดนึง เมื่อเลือกรถมาได้แล้ว ในการขับขี่ขอให้ระมัดระวังให้มากๆนะครับ รักษากฎระเบียบ และวินัยจราจร ด้วยนะครับ เพราะแม้ว่าจะเป็น เหล็กหุ้มเนื้อ แต่ Eco Car นั้น ไม่ได้ทำจากเหล็กล้วนๆ เหมือนรถยนต์ในสมัยก่อน มันผสมพวกคาร์บอน และใช้เหล็กผสมให้น้อยลง เพื่อเกิดความเบา รวมทั้งลดต้นทุนในการผลิต แนะนำว่า อย่าชนจะดีที่สุดครับ เพราะมันยุบง่าย แถมเคาะก็ไม่ได้อีกด้วย ต้องเปลี่ยนอย่างเดียว ระมัดระวังให้มากๆ ผมเคยเจอรถ March ประสบอุบัติเหตุที่เส้นทางถนนมิตรภาพ ไปปากช่อง สภาพรถเหมือนกระดาษเลยครับ ยับยู่ยี่ไปหมด เพราะวัสดุที่มาทำมันไม่ได้แข็งอะไรมากมายไงครับ แม้ว่าในเรื่องของสมรรถนะ การขับขี่ของ รถนิสสัน อัลเมร่า และ march ต้องบอกว่าของเค้าชัวร์จริงๆ การเข้าโค้งนี่ หนึบมากๆ แต่อย่างไรก็ตาม อุบัติเหตุ ไม่ได้เกิดจากการขับของเราอย่างเดียวนะครับ คนอื่นอาจจะขับเสียหลักมาชนเราก็ได้ แต่หากเราระมัดระวังตลอดเวลา และไม่แซงในจุดที่เสี่ยง หรือปาดไปมา ซิ่งอะไรมากมาย อุบัติเหตุนั้นก็ยากที่จะเกิดครับ ฝากเอาไว้เพราะเป็นห่วงครับ

ถ้าหากถูกใจในบทความที่ผ่านมาของผม ช่วยกันกด Like หรือไม่ก็นำไปแชร์ต่อทีนะครับ อยากให้ทุกคนได้อ่าน และได้รับรู้ครับ เพื่อปลุกสำนึกที่ดีในการขับขี่ และวินัยจราจรที่ดีจะได้มีเกิดขึ้นเสียทีครับ เริ่มจากในกรุงเทพกันก่อนเลยครับ เอาไปแชร์กันใน Facebook ได้เลยนะครับ หรือจะติดตามบทความผมจาก Twitter ก็ได้เช่นกันครับ