แท็กซี่ ซวยสุดๆ ดันเจอคานเหล็กหล่นใส่เฉยเลย
ผมเองเป็นคนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าพวกนี้มากๆ บ้านผมไม่ได้โดนเวนคืนที่ดินไปสร้างรถไฟฟ้านะครับ แต่เส้นทางที่ผมใช้ประจำนั้น กำลังก่อสร้างตาม แผนที่รถไฟฟ้า หมดเลย นั่นคือ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ช่วงบางพลัด ถึง บางกรวย, ถนนกรุงเทพ-นนท์ ตั้งแต่วงศ์ว่าง ไปจนถึงแยกติวานนท์ และ ถ.ติวานนท์ตั้งแต่แยกติวานนท์ ไปจนถึง แยกแคราย รวมทั้งถนนรัตนาธิเบศร์อีกด้วย มันจะสร้างอะไรกันนักกันหนา แต่สำหรับการพัฒนารถไฟฟ้านั้นผมเห็นด้วย แต่เรื่องสิ่งของที่ร่วงลงมาในขณะก่อสร้างนี่สิครับ ที่ผมรับไม่ได้ ผมเชื่อว่าทุกท่านที่ใช้รถอยู่บนถนน ก็คงจะรับไม่ได้เช่นกัน ถ้ารถสวยๆ ของคุณต้องโดยเศษปูนหล่นลงมากระทบสีรถคุณ ถ้าคุณมาเร็วมากหน่อย มันอาจเจาะเข้าในเนื้อสีของคุณได้ลึกทีเดียว
ผมจะขอเล่าสิ่งที่ผมเจอมานะครับ ตั้งแต่ตอนที่พวกเค้าเริ่มสร้างกันใหม่ๆ รถผมโดนเข้าเต็มๆครับ March ป้ายแดง เศษปูนลงมากระทบเต็มๆ เจาะเข้าเป็นแผลเลย ผมจอดรถเดินลงไปจะเอาเรื่อง แต่ตอนนั้นวิศวกรไม่อยู่ ไม่รู้มันหายหัวไปไหน มีแต่หัวหน้าช่าง ซึ่งก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมก็เลยเรียกประกันมา แล้วก็ให้ประกันเคลม รวมทั้งจัดการแทนผมด้วย แล้วผมก็เอารถไปซ่อม ต่อมาก็มีพวกน้ำๆ เนี่ยลงมาประจำ โดนตลอด หลบไม่ได้หรอกครับ เพราะมันลงมากลางเลนเลย คุณจะหักหลบน้ำแล้วไปชนกับคันอื่นที่เค้าวิ่งมาก็ไม่ใช่ ถ้าเป็นน้ำเปล่า ผมก็คงจะไม่หลบ แต่นี่เป็นน้ำปูนนะครับ ผมเคยจอดดูน้ำที่มันลงมาโดนรถผม มีทั้งเศษปูน และเศษสนิม นี่มันอะไรกันวะ ทำไมไม่ทำท่อระบายน้ำ คิดจะทิ้งอะไรก็ทิ้งลงมาโดยไม่สนใจใครเลยหรือไง และล่าสุด เมื่อเดือนที่แล้ว อันนี้แสบสันสุดๆ ระวังกันนะครับ “สี” ครับ สีน้ำแบบที่ทาปูน ทาบ้านเนี่ยแหละครับ เป็นแบบแห้งช้า กระเด็นเป็นละอองหยดๆลงมา ตอนขับคุณก็ไม่รู้หรอกครับ เพราะคุณจะนึกว่าเป็นน้ำปูน หรือน้ำสกปรกเหมือนทุกที แต่พอขับไปถึงที่หมายแล้วจอดดูเท่านั้นแหละ นี่มันสีนี่หว่า โอ้โห เลวมากๆ ทำไมไม่เอาอะไรรองสีกันมันกระเด็นมาโดนรถที่ผ่านไปมาเลยเหรอ ผมก็รีบเช็ดออกทันที โชคยังดีที่มันเป็นสีแบบแห้งช้า เลยยังเช็ดออกได้ แต่ตอนนั้นมันเย็นมากๆ ผ่านไปหลายวัน ผมเพิ่งมาเห็นว่า เหลืออยู่จุดนึง ตอนนี้แห้งแข็งติดไปแระ เอาเล็บขูดก็ไม่ออก ผมก็เลยปล่อยมันไว้เป็นที่ระลึก กับความทุเรศของการก่อสร้างรถไฟฟ้าในทุกๆเส้นที่มีอยู่ตอนนี้
แท็กซี่ สุดสวย เจอคานเหล็กหล่นใส่ซะงั้น บริษัทก่อสร้างรับผิดชอบแค่ไหน???
ยังไม่ทันได้มาเขียนลงบทความ เรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ น่าเศร้านะครับ ถ้าเราเป็นเจ้าของรถ คงจะโกรธและเสียใจมากทีเดียว แท็กซี่ ก็เช่นกัน ถ้าเป็น รถแท็กซี่ เช่าก็คงไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเป็น แท็กซี่ป้ายแดง นี่สิ แย่เลย เพราะต้องส่งค่าผ่อนรถทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม นับว่าโชคดีมากที่หล่นลงบนรถในจุดที่ไม่สำคัญเช่น ตรงกลางหัวคนขับ และยังดีที่คานเหล็กไม่แข็งมากเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับโครงเหล็กตัวรถ และโชคดีที่สุด ที่ตรงนั้นไม่มี รถจักรยานยนต์ จอดอยู่ ไม่งั้นพวกขับ รถจักรยานยนต์ คงเจ็บหนักถึงขั้นหามเข้าโรงพยาบาลแน่นอน ที่น่าโกรธที่สุดคือความเสียหาย รถของพวกผู้เสียหาย อยู่ดีๆ ก็ต้องมาพัง ต้องเอาไปซ่อม ไม่ได้ซื้อใหม่นะครับ ซ่อมอย่างเดียว แล้วซ่อมช่วงโครงหลังคาของรถเนี่ย เป็นการเคาะอย่างเดียวซึ่งแย่มากครับ ยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิมหรอกครับ ผมอยากรู้มาก ว่าทางบริษัทที่รับผิดชอบในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงเตาปูนเนี่ย จะชดใช้ค่าเสียหายอย่างไรบ้าง ใช้แค่ค่าเสียหายต่อรถยนต์เท่านั้นหรือ ไม่มีค่าปลอบขวัญคนที่ได้รับความเสียหาย ค่าเสียเวลาที่จะไม่มีรถไปทำงาน พวกเค้าต้องได้รับด้วยมั้ย ทั้งๆที่มันสมควรอยู่แล้ว แต่สุดท้ายผมว่าคงได้แค่ค่าเสียหายรถยนต์ที่เอาไปซ่อมกับขวัญถุงปลอบใจอีก 4-5 พันบาทแหละครับ จริงๆแล้วน่าจะสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายได้มากกว่านี้ แต่ถ้าเจรจายอมความกันไป บริษัทพวกนี้ก็จ่ายเงินน้อยหน่อย ป่านนี้คงมีการส่งคนมาติดต่อเจรจาค่าเสียหาย เพื่อไม่ให้ต้องเป็นเรื่องการฟ้องร้องกันไปเรียบร้อยแล้วล่ะครับ ก็อย่างว่า นี่แหละ Thailand Only!
น่าสังเกตตรงที่ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของความประมาทเลินเล่อ ของบริษัทที่ดูแลการก่อสร้างรถไฟฟ้าพวกนี้ แต่ก่อนหน้านี้มีเกิดขึ้นถึง 2 ครั้งใหญ่ๆ และหลายร้อยครั้งที่เป็นยิบย่อยแบบที่ผมเจอมา ที่น่าสังเกตคือ “กลับไม่เป็นข่าว” เพราะอะไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญพอจะเป็นข่าวงั้นเหรอครับ อันนี้ผมว่าไม่ใช่ หรือพอมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าปิดข่าวได้ ก็ปิด ด้วยการที่ทางบริษัทที่ดูแลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายต่างๆนี้ ก็รีบส่งตัวแทนเข้าไปดูแล เจรจาค่าเสียหาย เอาให้ผู้เสียหายพึงพอใจ แล้วก็ปิดข่าว ทำให้มันจบๆ ไป ซึ่งอันที่จริงแล้ว ผมบอกเลยนะครับว่า พวกผู้เสียหายพวกนี้ ค่อนข้างที่จะเสียรู้ให้กับตัวแทนของบริษัทพวกนี้ครับ พวกบริษัทพวกนี้มันหัวหมอครับ เวลาเจรจา มันก็จะเจรจาชดใช้ค่าเสียหายให้เต็มที่ และมีเงินปลอบขวัญให้อีกนิดหน่อย แล้วก็จบๆไป แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้เสียหาย มีสิทธิ์ที่จะได้รับค่าเสียหายมากกว่านั้นเยอะ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากความประมาทเลินเล่อในการก่อสร้าง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หากคุณทำการฟ้องร้อง คุณจะได้มากกว่าแค่ค่าเสียหายของรถยนต์ที่พังไป แต่จะได้ค่าเสียเวลา ค่าเดินทางโดยที่ไม่มีรถ ค่าปลอบขวัญ และหากบาดเจ็บยังเรียกค่าเสียหายได้อีกด้วย พูดง่ายๆว่าได้มากกว่าที่พวกตัวแทนบริษัทนี้มาเสนออีกเยอะ แต่ที่พวกผู้เสียหายพวกนี้ แม้ว่าจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แก่ใจ เกี่ยวกับสิทธิ์และผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับ แต่ก็เลือกที่จะรับเงินสดจากพวกตัวแทนบริษัทดีกว่า เพราะรู้อยู่ว่าการฟ้องร้องนั้น ต้องใช้เวลายาวนานมาก ไม่คุ้มกับการที่ต้องเสียเวลาจ้างทนาย เดินทางไปศาลบ่อยๆ เป็นปีกว่าจะได้รับค่าเสียหาย แต่ถ้าเป็นผม รถเรามีประกันอยู่แล้วก็ให้ประกันซ่อม เรื่องฟ้องร้องก็จัดไป ซึ่งส่วนใหญ่ประกันจะเป็นฝ่ายช่วยฟ้องร้องอีกต่างหากด้วย เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเรานะครับ อย่าไปยอมพวกมัน
พวกบริษัทที่มารับก่อสร้างพวกนี้นั้น เป็นบริษัทที่เรียกได้ว่า ยักษ์ใหญ่ ในวงการก่อสร้างเลยทีเดียวครับ พวกนี้เค้ามีเงินอยู่แล้วครับ เอะอะอะไรก็เอาเงินมาชดใช้ให้ แต่มันไม่เพียงพอหรอกครับ อันที่จริงแล้ว ถ้าเป็นในต่างประเทศ ถึงแม้ผู้เสียหายจะไม่เอาเรื่องและยอมความกันไป แต่ทางรัฐหรืออัยการเขตจะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเองนะครับ เพราะถือเป็นการสร้างความเสียหายให้กับประชาชน ต้องชดใช้ให้รัฐนะครับ แต่อย่างว่า ย้ำอีกครั้งว่า เพราะนี่คือ Thailand Only! ก็หยวนๆ กันไปละกันนะ